Travel Sport & Soft Power

ททท.ประจวบฯจัดทริปพิชิตยอดเขาหลวง อช.น้ำตกห้วยยาง/ยลโฉมประตูกาลเวลา



ประจวบคีรีขันธ์-เอาใจขาลุย ททท.ประจวบคีรีขันธ์ จัดทริปพิเศษ พิชิตยอดเขาหลวง อช.น้ำตกห้วยยาง ชมความงดงามของ “ประตูกาลเวลา” และกล้วยไม้ป่า “สิงโตสยาม” 

วันที่ 20 มกราคม 2566 นายกิตติรัตน์​ ส้มแป้น ปลัดอำเภอทับสะแก พร้อมด้วย นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกันต้อนรับนักท่องเที่ยว ทริปพิเศษ พิชิตยอดเขาหลวง ความสูง 1,250 เมตร ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง ซึ่งถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ 

นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมมือกับ อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง จัดทริปพิเศษเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาหลวงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ และร่วมทริปพิเศษที่ ททท.สนับสนุนการเดินทาง 2 สับดาห์ต่อเนื่อง กว่า 20 คน เช่นเดียวกับในปีนี้ ที่นักท่องเที่ยวยังคงให้การตอบรับและสนใจร่วมกิจกรรมเต็มตามจำนวนอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ก็มีนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวการเปิดฤดูการท่องเที่ยว จองเข้ามาท่องเที่ยวกับอุทยานฯ เป็นจำนวนมาก และยอดจองเต็มอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเปิดประสบการใหม่ การเดินทางท่องเที่ยวที่มีความท้าทาย และการเดินทางท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งป่าเขาหลวงทับสะแก ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างมาก เนื่องจากมีความท้าทายในการเดินป่า ทั้งขาขึ้นและขากลับ อาจจะไม่เดินยากเท่าป่าอื่นๆชื่อดังในประเทศไทย แต่รับรองว่าได้รับความสนุกและความสุขตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ต้องการให้เกิดการกระจายการท่องเที่ยวไปยังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดรานได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งอำเภอทับสะแก มีศักยภาพสูงทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2566 ประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดีเด่น

“ททท.หวังว่า การเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะช่วยเปิดประตูสู่การท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยขณะนี้ ททท.ใช้แคมเปญ สุขทันทีที่เที่ยวประจวบคีรีขนธ์ และประจวบคีรีขันธ์เที่ยวได้ 365 วัน เพราะเรามีครบทุกรสชาติทั้ง ทะเล ภูเขา ถ้ำ น้ำตก ศิลปะวัฒนธรรม  ตลอดจนอาหารทะเลและอาหารพื้นถิ่นมากมายให้ได้ลิ้มลอง” นายอาชวันต์ กล่าว

ด้าน นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง กล่าวว่า สำหรับการพิชิตยอดเขาหลวง ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,250 เมตร มีแนวเทือกเขาตะนาวศรี กั้นเขตพรมแดนไทย-พม่า โดยแต่ละปีอุทยานฯ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละ 10 คนต่อการเดินขึ้นเขาหนึ่งครั้ง (ไปกลับค้าง 1 คืน) เนื่องจากด้านบนเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก จนท.ต้องดูแลความปลอดภัย และการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้มากเกินไป ทำให้ป่าไม่ถูกรบกวน โดยหนึ่งเดือนจะขึ้นเขาเพียงสองสัปดาห์ ทำให้แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวที่โชคดีจองเดินป่าเขาหลวง ได้เพียง 240 คน เท่านั้น และปีนี้ยอดจองเต็มทุกเดือนเหลือเพียง 1 ที่เท่านั้น ในวันที่ 14 ธันวาคม 2567 นี้

สำหรับกิจกรรมเดินป่าเขาหลวง ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อชมความงดงามและอลังการของธรรมชาติ เทือกเขาน้อยใหญ่ไล่เรียงสลับซับซ้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะใช้เวลาเดินขึ้นเขาเพื่อพิชิตยอดเขาหลวง ราว 5-6 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯดูแลตลอดเส้นทาง เนื่องจากเส้นทางมีความลาดชันของเนินเขา แต่ขากลับลงเขาจะใช้เวลาน้อยกว่าขาขึ้นมากเหลือเพียง 3-5 ชั่วโมงแล้วแต่บุคคล โดยแต่ละสับดาห์จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละประมาณ 10 คน เนื่องจากจุดกางเต็นท์เป็นพื้นที่แคบ และจะต้องแบกสัมภาระพร้อมอาหารและน้ำดื่มขึ้นเขาด้วยตนเอง ไม่มีลูกหาบบริการ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินป่าเขาหลวงควร มีสุขภาพดีพร้อม

ซึ่งบริเวณยอดเขา สามารถชมวิวทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทั้งอ่าวประจวบฯ อ่าวมะนาว อ่าวน้อย ซึ่งในช่วงฤดูหลวงจะเห็นทะเลหมอกสวยงาม แต่หากเป็นหน้าฝน จะต้องผจญภัยกับทาก นักดูดเลือดแห่งพงไพร แต่หากโชคดีอาจจะได้เห็น “ปูเจ้าฟ้า” ปูหายากของไทยซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

“อยากให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ทั้ง ดอกไม้ ต้นไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ และความสวยงามของวิวบนยอดเขาหลวง มีไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวควรเดินไปชมคือ ประตูกาลเวลา ซึ่งเป็นต้นไม้หลายชนิด อายุนับร้อยปี ขึ้นโอบพันกันเป็นซุ้มประตู เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่ได้ปั่นแต่ง สามารถเดินทะลุผ่านเข้าไปด้านในได้ ซึ่งจะได้เห็นรอยต่อป่าไทยกับป่าประเทศเพื่อนบ้านที่กว้างใหญ่สุดสายตา และหากโชคดี จะได้ชม “สิงโตสยาม” กล้วยไม้ป่า กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม มีขีดตามยาวสีม่วงอมแดง กลีบปากสีเหลือง มีประสีม่วงอมแดงและแต้มกลมสีเหลืองเข้ม ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน ชอบภูมิอากาศตามป่าดิบเขา ที่ระดับความสูง 500-1,300 เมตร ชื้นและอากาศเย็น ฯลฯ อยากให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติให้เต็มที่” 

พิมพร/ประจวบคีรีขันธ์