In News
นายกฯแถลงผลประชุมครม.สัญจรที่พะเยา อนุมัติงบฯรัฐ-เอกชนภาคเหนือ200ล้าน
พะเยา-นายกฯ ประชุม ครม.นอกสถานที่ จ.พะเยา อนุมัติงบให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 และจังหวัด 9 โครงการ วงเงิน 155 ล้านบาท และโครงการตามข้อเสนอจากภาคเอกชน อีก 4 โครงการ วงเงิน 145 ล้านบาท ย้ำให้ตั้งสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดพะเยาให้ได้ภายในไตรมาส 4 นี้ นอกจากนี้ยังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในหลายประเด็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเยือนกัมพูชา กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก ( WTO ) ระหว่างประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับการเผา มอบหมายให้ รมต.เตรียมพร้อมเข้าร่วมประชุมสภาฯ พิจารณางบรายจ่ายปี 67 วาระ 2 - 3 และการอภิปรายจาก สส. และ สว. เตรียมนัดประชุม คกก. ดิจิทัล ใน 1 - 2 สัปดาห์นี้ ก่อนนำผลการประชุมเข้าสู่ที่ประชุม คกก.ชุดใหญ่และย้ำย้ำรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจสถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือ เชื่อทุกคนรู้หน้าที่ เผยไม่ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ไม่ได้ห่วงนักท่องเที่ยว แต่เป็นห่วงประชาชนได้รับผลกระทบ - การค้า
วันนี้ (19 มี.ค. 67) เวลา 11.20 น. ณ หอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงต่อสื่อมวลชนถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งนี้ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 จ.พะเยา ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่) โดยได้เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด รวม 9 โครงการ กรอบวงเงิน 155 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการของโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชนจำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 145 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ได้มีข้อหารือในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งจัดทำสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดและศึกษาถึงการประกาศให้จังหวัดพะเยาเป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อีกทั้งให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินพะเยาตามที่ได้มีการลงพื้นที่ไปเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำต้องตั้งสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดพะเยาให้ได้ภายในไตรมาส 4 นี้
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินการเรื่องขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการขยายเส้นทางจราจรบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก จ.พะเยา และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทย - ลาว ซึ่งปัจจุบันมียอดสั่งซื้อวัวเป็นจำนวนกว่า 100,000 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจของภาคเหนือ
รวมทั้งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการการผลิตลำไยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ปริมาณการผลิตสมดุลกับความต้องการของตลาด ผลผลิตมีคุณภาพสูง มีระบบ Food Safety และมีการส่งเสริมผลิตภัณฑ์แปรรูปลำไยหลากหลายซึ่งจะทำให้ราคาลำไยมีประสิทธิภาพและไม่เกิดภาวะลำไยล้นตลาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตามที่มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผานั้น ปัจจุบันประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากการเผาของประเทศเพื่อบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วง High season และขอให้เป็นไปตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ระหว่างประเทศ รวมทั้งต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติอากาศสะอาดที่กำลังจะผ่านวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มประเทศแอฟริกา ซึ่งมีการเติบโตของประชากรสูง เช่น ประเทศไนจีเรีย ประเทศซิมบับเว เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีแหล่งทรัพยากรมาก รวมทั้งยังเป็นแหล่งพลังงานอีกด้วย นอกจากนั้น จากการที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park) ที่สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างอาชีพให้กับเยาวชน มีการนำองค์ความรู้มาบ่มเพาะ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์กรความรู้ของกระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขกฎเพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนต่อไป
นายกฯ เผย ยังไม่ได้หารือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปพบฮุน เซน
เวลา 11.30 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำคณะเดินทางไปกัมพูชาเข้าพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มาพูดคุยหรือเล่าเรื่องที่ได้ไปเข้าพบกับสมเด็จฮุนเซน แต่เมื่อช่วงเช้าผู้ช่วยของสมเด็จฮุนเซน ส่งข้อความมาหาเมื่อตอนตี5 ว่าสมเด็จฮุนเซน ฝากความคิดถึงมาให้ ส่วนเรื่องอื่นก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเพราะอยู่ระหว่างการลงพื้นที่แต่ก็ได้เคยพูดไปแล้วว่าการเดินทางไปกัมพูชาของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อไปเสริมเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไทยและกัมพูชา ถือเป็นเรื่องดีของรัฐบาล เพราะทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมานาน มีความสัมพันธ์กันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วตนเองก็ได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และได้ไปเจอกันอีกการประชุมอาเซียนออสเตรเลีย ถือเป็นการได้พบปะกันบ่อย ยิ่งบ่อยยิ่งดี จึงคิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่เชื่อว่าในการประชุมของพรรคเพื่อไทยต่อไปก็น่าจะมีการพูดคุยและจำนำมาเล่าให้ฟัง
นายกฯ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก ( WTO )
เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ว่า ตามที่มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการลดหรือ ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร จากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวกับการเผาว่า ปัจจุบันไทยได้รับผลกระทบจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศการส่งออก และการนำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ขอให้เป็นไปตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก ( WTO ) ระหว่างประเทศ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะต้องให้ตรงกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ที่กำลังจะผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ
นายกฯ มอบหมายให้ รมต.เตรียมพร้อมเข้าร่วมประชุมสภาฯ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ว่า ได้มีการพูดคุยในที่ประชุม ครม.ให้รัฐมนตรีทุกคนเตรียมพร้อมและร่วมประชุมสภา สำหรับการประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระ 2 - 3 ในวันที่ 20 - 21 มี.ค.นี้ และกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะเปิดอภิปรายทั่วไป ในวันที่ 25 มี.ค. 67 รวมถึงกรณีฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการอภิปรายเตรียมที่จะมีการหยิบยกประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาอภิปรายด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าเกิดถามมาก็ต้องตอบ ซึ่งตนเองไม่ทราบถามอะไร แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ต้องชี้แจง ซึ่งเรายึดมั่นตามหลักกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด และขออย่าไปสันนิษฐานว่า ตั้งคำถามอย่างไร ยืนยันรัฐบาลมีความพร้อมที่จะไปชี้แจง
นายกฯ เผยเตรียมนัดประชุม คกก. ดิจิทัล ใน 1 - 2 สัปดาห์นี้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ว่า เตรียมนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลจากอนุกรรมการทุกฝ่ายและข้อเสนอแนะทั้งหมด ทั้งนี้ จะต้องนำผลการหารือจากอนุกรรมการมาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยนายกฯ ยืนยันว่า ประชาชนยังมีความหวังว่า จะได้เงินจากโครงการนี้
นายกฯย้ำรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจสถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องของสถานการณ์ฝุ่น หลังจากที่เมื่อคืนนี้จังหวัดพะเยามีฝนตก เพราะทุกคนทราบหน้าที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งฝนตกลงมา ก็น่าจะดีขึ้น และเรายังคงต้องทำงานกันต่อไป
ส่วนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ถึงสถานการณ์ฝุ่นนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการไม่ประกาศให้พื้นที่ภาคเหนือเป็นภัยพิบัตินั้น ที่บอกว่าไม่ประกาศเพราะเป็นห่วงเรื่องนักท่องเที่ยว ที่จริงไม่ใช่ เราเป็นห่วงประชาชน เพราะยังมีเรื่องของการค้าขายภายในที่จะกระทบทั้งหมด และมันมีการประกาศค่ามาตรฐานสากลของปริมาณค่าฝุ่นอยู่แล้ว อีกทั้ง สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ปัจจุบันก็ช่วยบรรเทาพอสมควร จากปีที่แล้วจนถึงปีนี้ บางพื้นที่ค่าเฉลี่ยลดลงไป 1 ใน 3 หรือ 2 ใน 3 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ถึงแม้จะบอกว่าอากาศที่เชียงใหม่ดีแล้ว รัฐบาลก็ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง