Authority & Harm

'ครูเก๋'แจงรับพลาด! ไม่เห็นนักเรียนจมน้ำ หลังแม่ร้องผ่าน'เพจสายไหมต้องรอด' 



นครปฐม-ครูเก๋สอนว่ายน้ำเปิดปากยอมรับประมาทและมองไม่เห็นน้องไอริณวัยสามขวบที่กำลังสอนอยู่จมน้ำแต่ช่วงเกิดเหตุได้เล่นประสานโทรให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาช่วยนำน้องส่งโรงพยาบาล โดยตอนนี้ได้คุยกับทางคุณพ่อคุณแม่ของเด็กแล้ว มีการเรียกค่าเสียหายประมาณ 500,000 บาทแต่ตนเองไม่มีเงินก้อนและรายได้น้อยเป็นครูน้อยมีเงินเพียงเดือนละ 15,000 บาทต้องยอมก้มหน้าให้ทางครอบครัวแจ้งความดำเนินตาม กระบวนการกฎหมายต่อไป โดยทางตำรวจเตรียมเรียกสรุปข้อมูลในวันที่ 3 เมษายน ว่าแพทย์จะลงความเห็นว่ามีการได้รับบาดเจ็บอยู่ในระดับใด

วันที่ 19 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ นางสาว ธีรชา บัวงาม อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.9 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม และสามี ได้ร้องเรียนผ่าน Pages สายไหมต้องรอด ว่าบุตรสาวอายุ 3 ขวบ (น้องไอรีน) ได้เข้าเรียนว่ายน้ำ แต่เกิดจมน้ำอาการสาหัส ระหว่างที่กำลังเรียนว่ายน้ำอยู่ที่สระว่ายน้ำเทศบาลตำบลบางเลน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้ครูที่ดูแลทำการฝึกสอนยังไม่ออกมาทำการชี้แจงแต่อย่างใด

นางสาว ธีรชา บัวงาม บอกว่า ในวันนั้นมีนักเรียน 8 คน โดยที่มีครูสอนแค่คนเดียว คือครูเก๋และไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ใดใด ซึ่งในระหว่างที่ครูกำลังดูเด็กคนอื่นอยู่ ๆ ลูกสาวของตนก็ได้เดินไปที่สระผู้ใหญ่ โดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนที่จะจม และลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำทำให้ครูจะเข้าไป CPR พร้อมกับเรียกรถพยาบาลมารับ และครูก็แจ้งว่าลูกสาวของตนเองจมน้ำ โดยน้องไอรีนต้องพักรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน 4 วัน เนื่องจากมีภาวะน้ำท่วมปอด และสมองขาดออกซิเจน หายใจเองไม่ได้ ในระหว่างที่ลูกสาวพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตนก็ได้ไปสอบถามความรับผิดชอบ แต่ก็ถูกเทศบาล และโรงเรียนโยนความรับผิดชอบกันไปมา พอไปถามเรื่องกล้องวงจรปิดก็บอกว่ากล้องเสีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็เอาแต่เพียงขอโทษ และให้เงินมา 2,000 บาทเท่านั้น 

นางสาว ธีรชา บอกอีกว่าจากการที่ต้องไปร้องเรียน Pages สายไหมต้องรอดเนื่องจากได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยังมีการเรียกตัวครูเก๋คนที่ทำการฝึกสอนหรือหน่วยงานเช่นเทศบาลเทศบาลตำบลบางเลนเข้ามามาคุยแต่อย่างใดจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้ประสานประสานไปยังเพจโดยตรงเพื่อให้มีการชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นจากความประมาทครั้งนี้ 

นางสาว สุวคนธ์ เมฆสง่า อายุ 46 ปี (ครูเก๋) บอกเป็นครั้งแรกว่า ในช่วงวันที่ทำการสอนนักเรียนว่ายน้ำจะมีนักเรียนแบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มแรกจะอยู่ในห้องเรียนที่เป็นห้องกระจก อีกกลุ่มคือกลุ่มที่ลงสระว่ายน้ำซึ่งกลุ่มของน้องไอริณได้ลงเรียนในสระพร้อมกับครู แต่ระหว่างที่ทำการสอน ตนเองได้หันไปเห็นว่าน้องไอริณนอนคว่ำหน้าอยู่บนน้ำจึงได้ดึงตัวขึ้นมาแล้วทำการปฐมพยาบาลซีพีอาร์ ก่อนที่จะรีบเรียกให้โทรตามสายด่วน 1669 เพื่อให้มารับตัวไปที่โรงพยาบาลแต่รู้สึกว่ามีความล่าช้าจึงได้ประสานหน่วยงานอื่นให้รีบนำรถมานำเด็กไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ตนเองยอมรับว่าประมาทเนื่องจากหลังจากสอนว่ายน้ำแล้วได้ให้น้องไอรีนเล่นน้ำต่อโดยที่กำลังหันไปดูเด็กอีกกลุ่มที่กำลังทำการเรียนการสอนอยู่ แต่ตนเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเพราะทราบดีว่าลูกใครใครก็รักลูกเราเราก็รัก 

นางสาวสุวคนธ์ บอกต่อว่าหลังจากเกิดเหตุก็ได้มีการพูดคุยเจรจากับทางคุณพ่อของน้องไปแล้วซึ่งได้มีการเรียกค่าเสียหายมาประมาณ 500,000 บาทแต่ครูเองเงินเดือนน้อยเพียงแค่ 15,000 บาท จึงคิดว่าไม่น่าจะมีเงินที่จะไปชดเชยได้มากถึงขนาดนั้น ตอนนี้ก็ต้องยอมรับสภาพให้ทางครอบครัวเขาดำเนินคดีกับเราไปก่อน ตามสิ่งที่ที่เกิดขึ้นและยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนเองที่มองไม่ทันและไม่ทันเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการเดินทางเข้าเยี่ยมและมอบเงินให้แม้จะไม่มากแต่ก็เป็นเงินที่ตนเองมีติดตัว โดยตนเองพยายามได้ประสานกับทางโรงพยาบาลนครปฐมเพื่อขอทราบอาการน้องไอริณว่าเป็นอย่างไร แต่ทางโรงพยาบาลได้ชี้แจงว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติหรือผู้ปกครองของน้องไอรีน ซึ่งก็ต้องทำใจรอฟังข้อมูลจากทางคุณพ่อคุณแม่ที่จะแจ้งให้ทราบเท่านั้น 

ขณะเดียวกันผู้ดูข่าวได้มีการเข้าตรวจตรวจสอบที่สระว่ายน้ำดังกล่าวพบว่าเป็นสระว่ายน้ำที่แบ่งออกเป็นสองส่วนคือของเด็กและของผู้ใหญ่โดยในส่วนของเด็กจะมีน้ำลึกอยู่ที่ประมาณ 70 เซนต์หรือต้นหน้าขาของผู้ใหญ่ซึ่งก็ทำให้เพียงพอที่จะเกิดเหตุจมน้ำดังกล่าวได้ส่วนทางคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานติดตามผลสอบปากคำแม่ของเด็กแล้วคาดว่าน่าจะมีการเรียกตัวมาอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายนซึ่งจะต้องมีการรอผลผลการรับรองจากแพทย์ว่ามี อาการป่วยและ ในขั้นใดก่อนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกันต่อไป