Authority & Harm
สจ.โคราชแจงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนสปก. เหตุไม่พูดคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน
นครราชสีมา-สจ.โคราช แจงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของ สปก. และอุทยาน เกิดจากการไม่พูดคุย เพื่อหาทางออกร่วมกัน
นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล สจ.อำเภอวังน้ำเขียว เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนระหว่าง 2 หน่วยงาน สปก.กับ อุทยานนั้น จะต้องเอาความเป็นจริงและความถูกต้องมาแก้ไข ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขมาตั้งแต่ปี 2541 แต่ก็ไม่ได้มีการประกาศออกมา ต่อมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เอาเข้าครม ยึดแนวเขตปี 43 จึงได้มีการเดินสำรวจปักแนวเขตที่ผ่านมาไม่พบว่าประชาชนไปบุกเพราะประชาชนอยู่มาก่อน ก่อนที่หน่วยงานรัฐจะไปขีดทับเส้น ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน สำหรับพื้นที่ในประเทศไทยอยากให้รัฐบาล อยากให้แก้ไขอย่างจริงจังไม่ใช่แก้ไข แบบรับปากไปก่อน อาจจะแก้จะต้องแก้ไขแบบตรงจุด ให้นำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชน ไปปักหมุดด้วยกัน ว่าตรงไหนได้ตรงไหนไม่ได้ ซึ่งดูแล้วมันก็ไม่ได้ยาก ต้องแก้ปัญหาจากล่างขึ้นบน ซึ่งเรามีทั้งป่าไม้เขตป่าไม้จังหวัด ส่วนปกครองโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กองทัพ ตรงไหนที่คิดว่าเป็นพื้นที่จะให้ส่วนราชการ ก็แจงให้พี่น้องประชาชนทราบ ส่วนตรงไหนจะเป็นถนนสาธารณะ หรือแม้แต่คลองธรรมชาติ ซึ่งจะมีท้องถิ่นคอยช่วยส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านอบตเทศบาล ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือหน่วยงานรัฐ จึงอยากให้เอาความเป็นจริงไปสร้างให้เป็นระบบ
ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อยากจะขอความกรุณานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากต้องการที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง อยากให้ลงมาดูพื้นที่ ว่าตรงไหนเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ก็ให้ตัดสินใจไปเลยว่าจะยกให้หน่วยงานไหน ว่าจะเป็นของสปกหรือของอุทยานหรือแม้แต่ของประชาชน เพื่อทำมาหากิน หากยังจะออกแบบก้ำกึ่งอยู่แบบนี้ ประชาชนก็จะไม่เชื่อถือ ขนาดมีหลักฐานก็ยังว่าเป็นของจริงบ้างของแท้บ้าง แล้วประชาชนจะไปเชื่อหน่วยงานรัฐได้อย่างไร เพราะปัญหาทั้งหมดเกิดจากหน่วยงานรัฐสร้างขึ้นมาทั้งหมด ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวที่มีความวุ่นวายก็เกิดจากหน่วยงานรัฐเป็นคนสร้างขึ้นมา การที่เราจะหาว่าหน่วยงานไหนผิดหน่วยงานไหนถูกควรที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ให้กลับบ้านกับเมืองให้มันถูกต้อง
ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนก็รู้ว่าอันไหนเป็นแนวเขตก็ไม่เคยมีใครเข้าไปบุกรุก
จากกรณีปัญหาสปกกับอุทยาน ต้องเอาความเป็นจริงมาแก้ไข ได้แนวเขตมีการรุกล้ำกัน จนเกิดดราม่าอยู่ในขณะนี้ จึงอยากให้มีการลงโทษกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบ้างไม่ใช่มาลงโทษกับพี่น้องประชาชนแต่ฝ่ายเดียว ในส่วนของแนวเขตเขาใหญ่ ควรที่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำแนวเขตให้ชัดเจน โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐ 2 หน่วยงาน มาจากรัฐบาลเดียวกัน ที่ผ่านมาในการแก้ปัญหาใช้งบประมาณค่อนข้างมาก ทำไม่ 2 หน่วยงานไม่คุยกัน แล้วเดินสำรวจด้วยกัน อันไหนให้กันได้ก็ให้อันไหนให้ไม่ได้ก็เอาคืน เพราะจะต้องรักษาป่าเหมือนกัน แต่จะเอาพื้นที่ป่าไปเป็นของสปกนั้น บางอย่างก็อาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะเกิดจากแนวเขตที่ไม่มีความชัดเจน
สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะแก้ไขปัญหา สำหรับแนวเขตปี 05 ที่ไม่สามารถที่จะกันแนวเขตมาเป็นแนวเขตเขาใหญ่ หรืออันไหนที่เป็นเขตของพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่ก็ควรที่จะถอยออกมา แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเถียงกัน แต่ก็ไม่เคยได้บทสรุป อยากให้ลองฟังเสียงประชาชนดูบ้าง ว่าต้องการอะไร ที่ผ่านมารัฐบาลก็สนับสนุนการปักแนวเขตในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปากช่องอำเภอครบุรีและอำเภอเสิงสาง งบประมาณกว่า 2,254 ล้าน จากการเปิดเผยของท่านนายดำรงค์ พิเดช ไปสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะแก้ปัญหา ไม่รู้ว่างบประมาณหายไปไหน ท่านก็สามารถตรวจสอบได้เวลาเข้าสภา แต่ไม่ยอมพูดเรื่องนี้พูดแต่เรื่องอื่น พ่อท่านจะรู้ว่าอันไหนถูกต้องอันไหนไม่ถูกต้อง ต้องให้ความสำคัญกับการใช้งบประมาณของบ้านเมือง
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา