In News
นายกฯชี้แจ้งในญัตติวุฒิสภายื่นอภิปราย ยันตอบทุกข้อสงสัยแม้ทำงานแค่7เดือน
กรุงเทพฯ-นายกฯ ย้ำรัฐบาลแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจริงจัง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เข้าถึงประชาชน สร้างความมั่นใจในการแก้หนี้นอกระบบ ดูแลไม่ให้ถูกคุกคามจากอำนาจมืด และยืนยันรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ แม้งบประมาณยังไม่ออก แจง ผู้แทนการค้าไทย-เลขาธิการ BOI เตรียมแถลงความก้าวหน้าของการเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากนั้น นายกฯ ชี้แจง รัฐบาลตระหนักถึงการใช้เวลาบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ย้ำเยือนต่างประเทศ เป็นเรื่องความจำเป็นและขนบธรรมเนียมประเพณี ยืนยันให้ความสำคัญเดินทางลงพื้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชน
วันนี้ (25 มีนาคม 2567) เวลา 10.20 น. ณ ห้องประชุมวุฒิสภา อาคารรัฐสภา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาฯ ตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ระบุเรื่องปัญหาหนี้นอกระบบกรณียังไม่จบว่า เห็นด้วยอย่างเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่จบ และเห็นด้วยว่ามีความลังเลในการที่ผู้ที่ไปกู้เงินนอกระบบมาแล้ว ยังไม่อยากจะเข้ามาเคลียร์ ซึ่งเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา นายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงพักทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยทราบดีถึงปัญหาในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปว่า ไม่ใช่ว่าคอยนั่งอยู่ที่โต๊ะ และคอยให้ประชาชนเข้ามาแจ้งว่าเป็นหนี้เท่าไร แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องลงไปในพื้นที่ ไปเรียกร้องให้เข้ามาแจ้ง โดยฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคงจะดูแลว่าไม่ต้องถูกคุกคามโดยอำนาจมืดทั้งหลาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดี ว่าเป็นเรื่องที่กัดกร่อนสังคมไทยมาหลายสิบปีแล้ว โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยที่มีอัตราไม่เป็นธรรม ย้ำว่าเรื่องดังกล่าวรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเห็นได้จากการที่รัฐบาลนี้เข้าไปจัดการกับเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมจริง ๆ ไม่ใช่แค่ให้ฝ่ายปกครอง หรือฝ่ายความมั่นคงอย่างเดียว เข้าไปดำเนินการ แต่ทางกระทรวงการคลัง โดยหน่วยงานที่อยู่ในการกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ก็จะมีส่วนเข้าไปช่วยสนับสนุนในแง่ของกระแสเงินสดที่จะช่วยรีไฟแนนซ์ต่าง ๆ ซึ่งเรื่องนี้มีความคืบหน้า แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมรับฟังและเห็นด้วยว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่ถูกแก้ไปอย่างบูรณาการ แต่อย่างน้อยที่สุด 7 เดือนที่ผ่านมาก็มีความคืบหน้าในแง่ของการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว
“นายกฯ ย้ำว่า วันนี้รัฐบาลพร้อม โดยรัฐมนตรีทุกคนมาอยู่ในที่นี่แล้ว ซึ่งนายกฯ เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านให้เกียรติและพร้อมให้ความเต็มใจในการตอบคำถาม”
นายกฯแจงผู้แทนการค้าไทย-เลขาธิการ BOI เตรียมแถลงความก้าวหน้าของการเดินทางไปต่างประเทศ
นายเศรษฐา ชี้แจงกรณีงบประมาณที่เพิ่งได้รับการอนุมัติเห็นชอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวในการที่จะไม่บริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นข้ออ้างที่จะไม่ช่วยเหลือประชาชน โดยนโยบายหลักของรัฐบาลหลาย ๆ อย่าง อาทิ การพักหนี้เกษตรกร วีซ่าฟรีของนักท่องเที่ยวของหลาย ๆ ประเทศ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณ หรือการลดค่าใช้จ่าย ราคาสินค้าเกษตร ซึ่งเกษตรกรถือเป็นภาคส่วนที่สำคัญ เป็นภาคส่วนที่เปราะบาง เป็นภาคส่วนที่ต้องการการช่วยเหลือดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพักหนี้ หรือการเปิดตลาดใหม่ ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากราคายางพาราที่สูงขึ้นจนในปัจจุบันราคายางพารานั้นมีราคาสูงเกือบ 100 บาท/กก. ทั้งนี้ เกิดจากการที่รัฐบาลไปเปิดตลาดใหม่ รวมถึงการที่เข้มงวดการนำเข้า ทำให้ยางพาราในประเทศไทยมีราคาสูงขึ้น พี่น้องเกษตรกรและประชาชนก็มีรายได้สูงขึ้นตาม สำหรับเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศนั้น นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลก่อนได้ดำเนินการแล้วหลายเรื่อง โดยรัฐมนตรีหลายคนก็เคยอยู่ในรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลนี้ให้เกียรติ สิ่งใดดำเนินการดีแล้วเราก็สานต่อ ไม่ได้ปัดตกทุกเรื่อง
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องของการลงทุนทางทีมงานได้ทำการติดต่อกับบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องชี้แจงว่าการลงทุนเป็นแสนล้านหรือล้านล้านนั้น ใช้เวลามากกว่า 7 เดือนที่ผ่านมาในการตกลง แต่มั่นใจว่าทางประธานผู้แทนการค้าไทยกับทีมงานของเลขาธิการ BOI จะมีการแถลงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค. 67) เวลาประมาณ 11.30 น. ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้ทราบถึงความก้าวหน้าของการเดินทางไปต่างประเทศ นำนักลงทุนมายกระดับอุตสาหกรรมไทยที่เป็นอุตสาหกรรม Low Profit ให้เป็น High Profit ทำให้รายได้ระยะยาวของประชาชนถูกยกระดับขึ้นมา โดยเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญถึงแม้ว่างบประมาณยังไม่ออกมา ยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ทำให้ช่วยเหลือไม่ได้ แต่งบประมาณเป็นขีดจำกัดที่ทำให้เราไม่สามารถผลักดันได้อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลดำเนินการนโยบายหลัก ๆ ที่ผลักดันเศรษฐกิจ สังคม สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานแล้วและมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน รวมถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต (Digital wallet) ถือเป็นนโยบายใหญ่ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของทุก ๆ ภาคส่วน และนำมาประกอบเพื่อให้ได้นโยบายที่ดีที่สุด โดยรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) จะแถลงถึงไทม์ไลน์ที่ได้ไปรับฟังความคิดเห็นเพื่อจะให้เห็นเป็นรูปธรรม
นายกฯ ย้ำเยือนต่างประเทศ เป็นเรื่องความจำเป็นและขนบธรรมเนียมประเพณี
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงหลังนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ผู้เสนอญัตติฯ แถลงต่อที่ประชุมสภาฯ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น กรณีที่ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาฯ และควรให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปให้มากกว่า 1 วัน การดำเนินกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทุกกลุ่ม การเดินทางไปเยือนต่างประเทศ การเดินทางไปตรวจราชการในต่างจังหวัด สรุปดังนี้
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มารับฟังความคิดเห็นข้อติชมของท่านสมาชิกทุกท่าน ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทุกคนมีการให้เกียรติกับฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสองสภา โดยรัฐบาลมีหน้าที่บริหาร แต่เมื่อไรก็ตามที่ทางฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อสงสัยมีข้อเสนอแนะที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลจะต้องมารับฟังและมาตอบ ก็ยินดีมาตอบด้วยความเต็มใจ ไม่เคยมีความคิดว่าทำไม 8 - 9 ปีมา ไม่เคยมีการเรียกอภิปรายในมาตรานี้ แล้วทำไมมาแค่ 7 เดือนถึงต้องมี ตรงนี้เราทราบหน้าที่ดีว่าเรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องมาทำงาน มาตอบให้สมาชิกทุกท่านมีความกระจ่าง
สำหรับเรื่องของการเดินทางไปเยือนต่างประเทศหลายครั้งนั้น นายกฯ ย้ำว่า หลายครั้งที่เดินทางไปเยือนต่างประเทศเป็นเรื่องของความจำเป็น ทั้งเรื่องของการประชุมอาเซียน ประเทศใน Middle East หรืออาเซียน ออสเตรเลีย และหลายครั้งก็เป็นเรื่องของขนบประเพณีที่ผู้นำใหม่มาต้องไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว หรือการประชุม UNGA เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายกฯ ให้ความตระหนักดีถึงการที่ใช้เวลาของการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ เข้าใจและรับทราบถึงข้อกังวลดังกล่าว แต่ปัจจุบันเชื่อว่าเรามีการใช้เทคโนโลยีในการที่จะบริหารราชการและมีการติดต่อกับคณะรัฐมนตรี และข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำพาประเทศไทยฝ่าวิกฤติไปได้โดยที่บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องมาเจอตัวกันโดยตรง ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ว่า ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ได้ไปติดตามและเตรียมการเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น (PM 2.5) ทั้งนี้ เรื่องของปัญหาฝุ่นแม้ยังมีอยู่แต่ก็ลดน้อยลงไป 30 - 70% แล้วแต่พื้นที่ ตรงนี้พิสูจน์ได้จาก Heat Map ที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับปีที่ผ่านมากับปีนี้ ซึ่งการที่นายกฯ ได้เดินทางไปเชียงใหม่ครั้งล่าสุด ก็ได้ลงพื้นที่ลงไปทำงานในหลายจังหวัดก่อนที่จะมีการประชุม ครม. สัญจรที่จังหวัดพะเยา ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้นายกฯ ได้ดื่มไวน์ นั้น นายกฯ ชี้แจงว่า วันนั้นจำได้ว่าไม่ได้ดื่มไวน์ เพราะว่าไม่สบาย อาจจะมีการสับสนเรื่องการตั้งแก้ว แต่ยืนยันไม่ดื่มไวน์เลย โดยย้ำให้ความสำคัญกับการที่เดินทางลงพื้นที่แก้ไขปัญหาให้ประชาชน