In News

ภาวะเศรษฐกิจการคลังในเดือนก.พ.2567 ส่งออกพุ่ง-เที่ยวเพิ่มแต่ลงทุนชะลอตัว



กรุงเทพฯ-สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ.2567 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 7 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน

“สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป”

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป” โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า: โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 5.7 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 63.8 จากระดับ 62.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดในรอบ 48 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -20.1 และ -10.0 ตามลำดับ และรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -1.7

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 27.1 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 16.4 ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ –29.4 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -7.7 และลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -0.5 ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ –15.4

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 23,384.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 3.6 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 2.3 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ หมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ โดยขยายตัวร้อยละ 35.0 24.9 และ 18.0 ตามลำดับ นอกจากนี้ สินค้าข้าว ยางพารา นมและผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 53.6 31.7 26.5 และ 21.5 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ชะลอตัว ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอินโดจีน-4 ที่ขยายตัวร้อยละ 26.4 15.5 และ 4.5 ตามลำดับ รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่น ๆ อาทิ ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS) ที่ขยายตัวร้อยละ 46.4

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน สำหรับภาคบริการมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.35 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 58.6 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 39.7  โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 22.2 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 9.1 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 6.9 ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -7.5 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -0.6 จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี ข้าวโพด ยังคงขยายตัว สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 90.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ร้อยละ -0.77 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.43 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 62.2 ต่อ GDP  ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ในระดับสูงที่ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ