Travel Sport & Soft Power
กทม.เตรียมแผนรับมือน้ำท่วมฤดูฝนปี64
กรุงเทพฯ-กทม. เตรียมแผนบริหารจัดการน้ำ พร้อมรับมือฤดูฝนปี 64
(6 พ.ค.64) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารฯ ได้ติดตามการเตรียมการรับมือสถานการณ์น้ำในฤดูฝน ในที่ประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) โดยสำนักการระบายน้ำ ได้รายงานการคาดการณ์สถานการณ์น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุน ซึ่งข้อมูลจากกรมอุตุนิยมระบุว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนประมาณกลางสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ค.64 และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือน ต.ค.64 ปริมาณฝนโดยรวมของทั้งประเทศ จะมากกว่าในปี 63 และมากกว่าปกติ 5-10% โดยในช่วงเดือนกลางเดือน ก.ค. – ก.ย.64 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ประมาณ 60-80% ของพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ในหลายพื้นที่ ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมแผนการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำและรับมือในภาพรวมของกรุงเทพมหานครในแต่ละกรณีอย่างเป็นรูปธรรม กรณีน้ำเหนือหลากและน้ำทะเลหนุน ได้ดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซมจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ความยาว 78.93 กม. พร้อมเรียงกระสอบทรายในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันถาวรและเสริมแนวป้องกันน้ำท่วมที่มีระดับต่ำ มีการติดตามสถานการณ์น้ำเหนือกับกรมชลประทาน และบริหารจัดการน้ำร่วมกับศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ ในการติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตราจุดที่คาดว่าจะมีปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าท่วมพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้พร้อมทำงานตลอดเวลา โดยมีการเตรียมกระสอบทรายสำหรับเรียงตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวนทั้งสิ้น 2,359,995 ใบ พร้อมทั้งตรวจสอบและซ่อมแซมจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต 50 เขต ได้เตรียมความพร้อมของระบบระบายน้ำ โดยมีการตรวจสอบประสิทธิภาพของอุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ บ่อสูบน้ำให้พร้อมใช้งานทุกสถานี ลดระดับน้ำในคลองให้อยู่ในระดับต่ำ สำรวจและติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวในพื้นที่จุดเสี่ยงและจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม ด้านการดำเนินการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง เปิดทางน้ำไหล จัดเก็บขยะวัชพืชนั้น สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต 50 เขต ได้ดำเนินการตามแผนงานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเตรียมการสำรองเครื่องสูบน้ำกรณีฉุกเฉิน จัดหน่วยเร่งด่วน (BEST) พร้อมเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ให้สามารถเข้าพื้นที่ในทันทีตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีพื้นที่บางแห่งที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากจากภาวะฝนตกหนัก เช่น บริเวณถนนพระราม 9 ซอย 7 (อสมท.) ซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคล เป็นกรรมสิทธิ์ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทวีมิตร ซึ่งกรุงเทพมหานครไม่สามารถนำงบประมาณมาดำเนินการปรับปรุงถนนและท่อระบายน้ำได้ โดยกรุงเทพมหานคร ได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า 3 เครื่อง เครื่องสูบน้ำดีเซล 2 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ ในที่ประชุม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับให้สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต 50 เขต จัดเก็บกระสอบทรายที่ไม่ได้ใช้งานแล้วให้เรียบร้อยหลังหมดฤดูฝน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระสอบทรายตกค้าง ซึ่งอาจกีดขวางทางน้ำไหลได้