In News
รัฐฯบูรณาการรัฐและเอกชนหาแหล่งทุน ให้SMEจัดมหกรรมทรัพย์หลักประกันฯ
กรุงเทพฯ-โฆษกฯ เผยรัฐบาลบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME ไทย ผ่านการจัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ
วันนี้ (29 มีนาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญในการร่วมกันบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME ไทย และส่งเสริมโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยได้จัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ เมื่อระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคม 2567 ณ กระทรวงพาณิชย์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มองเห็นถึงความสำคัญของ เงินทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME จึงได้เชิญสถาบันการเงิน และหน่วยงานพันธมิตรร่วมออกบูธวิชาการในงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทรัพย์หลักประกัน รวมถึงให้คำปรึกษา แนะนำ และปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงเปิดโอกาสให้เครือข่ายธุรกิจผู้ประกอบการ SME เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าภายในงาน เพื่อขยายฐานลูกค้าและตลาดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ใช้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ซึ่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ หรือทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการชำระหนี้ได้ โดยทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจที่นำมาประเมินได้ อาทิ เครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ ไม้ยืนต้น โดยไม่ต้องส่งมอบกรรมสิทธิ์ สิทธิเรียกร้องจากสัญญาเช่า สิทธิในเครื่องหมายทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น โดยสถาบันการเงินที่มาในงานคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ในงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ ครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 5 หน่วยงาน ระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมเจ้าท่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมการขนส่งทางบก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์มีทะเบียน สามารถตรวจสอบข้อมูลการติดหลักประกันได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับธุรกิจ SME ไทย เพราะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีนโยบายส่งเสริมการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME รวมถึงมีเป้าหมายผลักดันการเพิ่มสัดส่วน GDP SME ของไทยจาก 35.2% เป็น 40% ภายในปี 2570 การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME จะช่วยให้ SME ไทย มีความแข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงต่าง ๆ และความท้าทายรอบด้านได้” นายชัย กล่าว