Authority & Harm
โจ๋กาญจน์วัย19ขี่จยย.แหวกไม้กั้นรถไฟ ถูกขบวนม้าเหล็กพุ่งชนดับคาที่
กาญจนบุรี-สลดหดหู่ ! โจ๋ วัย 19 ด่านแม่แฉลบ กาญจน์ ประมาทขี่รถจยย.แหวกช่องว่างเครื่องกั้นข้ามทางรถไฟที่ถูกขบวนรถไฟพุ่งชนจนเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.35 น.ของวันที่ 31 มี.ค.67 ร.ต.อ.ชัยรัตน์ จันทร์อนันต์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ว่า เกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟพุ่งชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสายพัฒนาการ เลียบริมทางรถไฟท้ายซอยร้านวรรธนะวุฒิ เขตเทศบาลตำบลปากแพรก หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ ที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ประจำสำนักงานใหญ่กำลังยืนปฎิบัติหน้าที่ในการเป็นผู้ช่วยในการชันสูตรพลิกศพ ที่เกิดเหตุริมทางรถไฟพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำ หมายเลขทะเบียน กลส. 844 กาญจนบุรี ล้มคว่ำอยู่ในสภาพพังยับทั้งคัน ห่างไปประมาณ 200 เมตรพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนหงายอยู่ในสภาพร่างกายแหลกเหลวเนื่องจากถูกขบวนรถไฟสายธนบุรี-น้ำตกไทรโยค ขบวนที่ 257 เฉี่ยวชนอย่างจัง ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งจากสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย แต่ขบวนรถไฟจะแวะรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีบ้านดอนรัก ก่อนจะมุ่งหน้ากลับสถานีกรุงธนบุรี
จากการตรวจสอบหลักฐานทราบชื่อผู้ตายชื่อนายวชิรวิทย์(ขอสงวนนามสกุล)อายุ19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 3 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เป็นนักเรียนของ รร.ชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ,ฯ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนา
เบื้องต้นจากการสอบสวนและดูกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าซอยวรรธนะวุฒิเพื่ออกไปท้ายซอยซึ่งเป็นถนนสายพัฒนาการ ซึ่งเป็นทางรถไฟที่มีเครื่องกั้นรถไฟ ขณะนั้นเป็นเวลาที่ขบวนรถไฟวิ่งจากสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย มุ่งหน้าเข้าสถานีบ้านดอนรัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ขบวนรถไฟได้เปิดหวู๊ดสัญญาณเตือนถึง 2 ครั้ง แต่ผู้ตาย ก็ขับขี่รถจักรยานยนต์มุดช่องว่างระหว่างเครื่องกั้น จึงถูกขบวนรถไฟพุ่งเฉี่บวชนจนร่างแหลกเหลวเสียชีวิต ทั้งรถทั้งคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ขบวนรถไฟไม่ได้จอดดู แต่กลับวิ่งเข้าสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร สถานีบ้านดอนรัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปสอบสวนปากคำ พขร.รถไฟไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่ พขร.ขบวนรถดังกล่าวจะขับรถวิ่งมุ่งหน้ากลับสถานีกรุงธนบุรี ต่อไป