In News
Thailand Tourism2025เป้า3.3ลล.บ. นายกฯเผย3-6เดือนนี้มีWorld event
กรุงเทพฯ-เก็บตกนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ตั้งเป้ามีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท เผย 3 - 6 เดือนต่อจากนี้ จะมี World event ทยอยเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ฃวันนี้ (2 เมษายน 2567) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระกรวงการคลัง และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมงาน โดยมีนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระการทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกฯ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ตอนหนึ่งว่า การเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวของภูมิภาค หรือ Tourism Hub ถือเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ประเทศไทยที่รัฐบาลมุ่งนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในทุกมิติ โดยในปีนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายรายได้ทางการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และจะทวีเพิ่มมากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ การยกระดับ Experience ของการท่องเที่ยวไทยในทุก Touchpoint การโปรโมท Soft Power ด้วยเรื่องราว (Story) ที่ดึงดูดใจผ่านการนำเสนอ 5 Must Do in Thailand การกระจายการท่องเที่ยวเชื่อมสู่เมืองใกล้เคียงที่เป็นเมืองน่าเที่ยว หรือ Hidden Gems การพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งภูมิภาค CLMV โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และการเป็นศูนย์กลาง Event ระดับโลกตลอดทั้งปี พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพทางการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับปริมาณจำนวนนักท่องเที่ยว และการร่วมมือบูรณาการทำงานกันของทุกฝ่าย จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างและกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน
นายกฯ ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขอฝากให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ทุกหน่วยงาน รวมถึงภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพที่ดี ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึงประเทศไทย จนถึงก้าวสุดท้ายที่เดินทางออกจากประเทศไทย โดยในปีนี้ประเทศไทยจะจัดงานใหญ่คืองาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 หรือมหาสงกรานต์ World Water Festival 2024” ซึ่งจะเป็นการจัดงานระดับ World-class event ในประเทศไทย ขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานครั้งนี้ ให้เป็นการเริ่มต้นปีแห่งการท่องเที่ยวได้อย่างยิ่งใหญ่ และเชื่อว่าอีกประมาณ 3 - 6 เดือนข้างหน้านี้ จะมี World event ทยอยเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 1 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ 9.4 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ จะช่วยจุดพลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย “IGNITE TOURISM THAILAND” สู่ Tourism Hub ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น ให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากคนไทยทุกภาคส่วน ซึ่ง 5 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยจุดพลังขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ได้แก่ การยกระดับประสบการณ์จะโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในทุกมิติ และสร้างความประทับใจตลอด Customer Journey ด้วยการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยก่อนการเดินทาง (Before Trip) ให้ข้อมูลครบถ้วนหลากหลาย ทำโปรโมชันกับพันธมิตรให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ในทุกมิติ และระหว่างการเดินทาง (During Trip) จะให้ข้อมูลสำคัญกับนักท่องเที่ยวตั้งแต่บนเครื่องบิน เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการในสนามบิน และสร้างความประทับใจด้วยมัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวที่มีมาตรฐาน ความพร้อมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสถานที่ ตลอดจนสร้างความน่าสนใจของเส้นทางการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและพร้อมรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้พิการและผู้สูงอายุ (Tourism for All) และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วย 1155 Call Center ซึ่งจะเป็น one-stop service เชื่อมต่อตำรวจท้องที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยกระดับ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) ในการคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยว โดยภายในระยะเวลา 3 เดือนจะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องรอคิวนานที่สนามบิน ยกระดับมาตรฐานโรงแรมทั่วประเทศพร้อมโปรโมชันที่พัก เปิดมาตรการ Free Visa ให้หลากหลายประเทศ ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และดูแลความสะอาดห้องน้ำสาธารณะ และภายในระยะเวลา 6 เดือนจะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม กฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจัดเก็บภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมระดับโลกให้แล้วเสร็จ และอำนวยความสะดวกให้มี VAT Refund ในหลายจุด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต่อไปว่า 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย คือ ชูเอกลักษณ์ไทย หรือเสน่ห์ไทย ด้วยการนำเสนอเรื่องราวและเพิ่มมูลค่าด้วยการนำจุดแข็งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมาเป็นจุดขาย ได้แก่ Must Beat มวยไทย เปิดประสบการณ์แม่ไม้มวยไทย 4 ภาค และต่อยอดมวยไทยสู่การออกกำลังกายแบบ Cardio ในฟิตเนส Must Eat อาหารไทย ต่อยอดครัวไทยสู่ครัวโลก พร้อมนำเสนอ 77 อาหารถิ่น 77 ขนมไทย ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ Must Seek วัฒนธรรมไทย สร้าง Story บนเส้นทางศรัทธาเพื่อดึงดูดความสนใจ รวมถึงวัฒนธรรมสายมูที่กำลังโด่งดัง Must Buy ผ้าไทย ร่วม Co-branding กับแฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลกให้ผ้าไทยเป็น Fashion Item ที่ทุกคนหลงใหล และ Must See โชว์ไทย นำเสนอทั้งรูปแบบไทยและ Thai Contemporary ให้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก