In News

'รัฐ-เอกชน'จับมือกันจัดใหญ่11-16เม.ย.นี้ 'อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ'ชูเมืองท่องเที่ยว



กรุงเทพฯ-รัฐ-เอกชน จับมือจัดใหญ่ "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" 11-16 เมษายน 2567 "อนุทิน" ย้ำ ประเทศไทยเป็นประเทศแห่ง Festival เป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาตลอดเวลา ทุกจังหวัด ไม่มีคำว่าเมืองหลัก หรือเมืองรอง มีแต่คำว่า "เมืองท่องเที่ยว"

วันนี้ (4 เม.ย. 67) เวลา 14.45 น. ที่โรงแรมพูลแมน คิง พาวเวอร์ กรงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานแถลงข่าว "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายธนพจน์ ภาคสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชน ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดงาน "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" ในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีอันสอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานกรรมการพัฒนาชอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาคเอกชนที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ คือ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และทุกภาคส่วน ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น อันจะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในการปลุกการท่องเที่ยวให้กลับมาสู่ประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง

"ประเทศไทยของเราเป็นประเทศแห่ง Festival เพราะเราเป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาตลอดเวลา และไม่เคยขาดงานเทศกาลเฉลิมฉลอง เรามีทั้งปีใหม่สากล ปีใหม่ไทย สงกรานต์ ตรุษจีน ลอยกระทง คริสต์มาส เราฉลองได้ทุกเทศกาล ด้วยความเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบทั้งทางด้านวัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนภูมิลักษณะของประเทศไทยที่สามารถตอบสนองเทศกาลต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และคนไทยเราพร้อมที่จะเป็นผู้ร่วมงานและผู้ให้บริการ คือ เป็นทั้งเจ้าบ้านและเป็นทั้งแขก ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญมาก เป็นที่รวมของคำว่า Soft Power ทั้งนี้ "สงกรานต์" หรือปีใหม่ไทยเป็นวันที่มีความหมายของคนไทยที่สุด เป็นวันที่เราสามารถทำให้ประเพณีนี้เป็นที่รู้จัก ที่ประทับใจ ที่ทรงจำของนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วโลก และที่สำคัญคือเป็นเทศกาลของวันครอบครัว วันแห่งความรัก ความกตัญญูกตเวที ที่ล้วนแล้วแต่เป็นนิมิตรหมายที่ดียิ่ง" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า เราเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า สิ่งที่แข็งแรงที่สุดของประเทศไทย คือ ความมี Soft Power และเป็นประเทศจุดหมายปลายทาง (Destination) ของนักท่องเที่ยวทุกคนจากทั่วโลก ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยตนเอง ซึ่งมั่นใจว่าการที่พวกเราทุกคนมาร่วมการจัดงาน "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" ในครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย ซึ่งนอกจากการจัดงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้รับการกำชับอย่างชัดเจนว่า ทุกจังหวัดจะไม่มีเมืองหลัก เมืองรอง เราจะมีแต่คำว่าเมืองท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยวเชิงสนุกสนาน ที่เป็นโจทย์สำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดจะต้องทำเอกลักษณ์ของจังหวัดมาทำให้เกิดแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด ซึ่งนอกจากจะทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวมีความสุข ครอบครัวรักกัน มีความหรรษาแล้ว จะทำให้เกิดการกระจายรายได้ สร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับประเทศไทยด้วย

งานอภิมหาสงกรานต์รางน้ำครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคุณค่าและอิทธิพลทางวัฒนธรรม ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เจริญในทุกมิติอย่างแน่นอน และกระทรวงมหาดไทยจะทำลำพังเพียงส่วนเดียวไม่ได้ เพราะเรามีความ Hard Power มากกว่าความเป็น Soft Power จึงต้องอาศัยกระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และทุกภาคีเครือข่าย เพื่อทำให้ทุกองค์ประกอบของงานมหาสงกรานต์ในครั้งนี้มีคุณค่าสูงสุด ขอให้พวกเราทุกคนมีความสุขในเทศกาลนี้ มีความสุขกันแบบเป็นพี่เป็นน้อง ถึงต้องขอขอบคุณทุกคนในวันนี้ ซึ่งพวกเราทุกคนล้วนมีความสุข มีความตื่นเต้น มีความดีใจที่จะเห็นประเทศไทยของเรากำลังเดินหน้ากลับไปสู่จุดที่แข็งแรงที่สุด นั่นคือ การเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม มีประเพณีที่ดี มีแหล่งท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งหมดอยู่ในมือพวกเราทุกคน

ด้าน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" เป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังที่ เราได้ร่วมเฉลิมฉลองที่ลานคนเมือง โอกาส UNESCO ประกาศความยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ขึ้นทะเบียน สงกรานต์ไทย (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) เป็นรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ที่เป็นการจุดประกายและความมุ่งมั่นของรัฐบาลว่าเราจะส่งเสริมอย่างไรให้ประเพณีสงกรานต์ที่เป็นมรดกโลก ได้รับการส่งเสริมในเรื่องการท่องเที่ยว และทำให้รู้คุณค่าของประเพณี โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้แต่งเป็นเพลงสงกรานต์ภาษาต่าง ๆ ทั้งอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน เพื่อทำให้พี่น้องคนทั้งโลกได้รู้คุณค่างานสงกรานต์ ซึ่ง "อภิมหาสงกรานต์" เป็นสงกรานต์ประเพณีระดับโลกแล้ว เราจะจัดให้เล็กไม่ได้ งานนี้ไม่ใช่งานของรัฐบาลและภาคราชการเท่านั้น แต่บริษัทภาคเอกชนเป็นกำลังสำคัญในการทำให้ประเพณีของไทยมีความยิ่งใหญ่ และโจทก์ที่สำคัญต่อจากนี้ เราจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมให้งานประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณี Top10 ติด 1 ใน 10 ของโลก อยู่ที่พวกเราช่วยกันเชียร์ ช่วยกันผลักดัน ช่วยกันสนับสนุน ปีนี้เราจะช่วยกันจุดพลุสงกรานต์ กรุงเทพฯ พร้อมกับส่วนภูมิภาคโดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แต่จะยิ่งใหญ่แค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมือของทุกกระทรวง เราจะทำให้ประเพณีสงกรานต์ดังทุกวัด ทุกตำบลทั่วประเทศ ทำให้สงกรานต์ยิ่งใหญ่ เราจะไม่ทำให้เป็นวันสงกรานต์ แต่จะเป็นเดือนสงกรานต์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้มีรายได้จุนเจือครอบครัว และแก่นแท้ของสงครามที่พวกเราทุกคนจะต้องร่วมกันสืบสานรักษา คือ ประเพณีการรดน้ำดำหัว การกลับไปดูแลญาติผู้ใหญ่ นั่นเอง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตอนนี้เราได้บัญญัติศัพท์ใหม่ที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด คือคำว่า Festivalisation เพราะไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความสุขในการจัดงานเทศกาลหลาย ๆ เทศกาล โดย "สงกรานต์" เป็นเทศกาลใหญ่ที่ได้รับการรับรองจาก UNESCO ที่ปีนี้จะเป็นมหาสงกรานต์แห่งความร่วมมือ และความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ย่านรางน้ำ เป็นย่านใหม่ สำหรับทุกคน นอกจากนี้ ททท. ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศในการจัดกิจกรรมมหาสงกรานต์ World Water fastival Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2567 บริเวณถนนราชดำเนินกลาง และท้องสนามหลวง โดยคาดว่าปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวทั่วประเทศตลอดเดือนเมษายนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน และช่วง 12-16 เมษายน คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต่ำกว่า 4.5 ล้านคน และต่างชาติไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน และทำให้พี่น้องประชาชนได้มีรายได้ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่กำหนดอย่างแน่นอน

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีสำคัญของโลก ภายหลังจาก UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน สงกรานต์ไทย (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) เป็นรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ โดยกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดอภิมหาสงกรานต์ทั้งหมด 118 จุด จะเป็นปีที่งานสงกรานต์คึกคักทั่วกรุงเทพฯ และการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำว่า "ย่านรางน้ำ" มีความสำคัญและมีศักยภาพที่จะเติบโต ซึ่งงาน "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" เป็นงานสำคัญที่จะจุดพลุทั้งประเพณีสงกรานต์และจุดพลุย่านรางน้ำให้คนรู้จักที่นี่มากขึ้น เป็นการยกระดับให้ย่านรางน้ำเป็น Destination แห่งใหม่ ตอกย้ำว่า กรุงเทพมหานครเป็นเป้าหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวระดับต้นของโลก โดยกรุงเทพมหานครเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและจะดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุด

ด้าน นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์ กล่าวว่า กล่าวว่า เป็นระยะเวลา 35 ปี ที่ คิง พาวเวอร์ ได้สนับสนุนชุมชน และร่วมดูแลสังคมกับภาครัฐในมิติต่าง ๆ มาโดยตลอด ซึ่งการจัดงาน "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" ครั้งนี้ กลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์ ได้สานต่อเจตนารมณ์ในการพัฒนาพื้นที่ "ย่านรางน้ำ" ให้เป็นพื้นที่หนุนเสริมประเพณีไทย สร้างอัตลักษณ์และยกระดับประเพณีไทย ทำให้ย่านรางน้ำเป็น Festivalisation ร่วมกับชุมชนรางน้ำ จัดกิจกรรมตลอดทั้งปี และจะร่วมกับภาครัฐปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนรางน้ำและพื้นที่โดยรอบเพื่อให้ถนนรางน้ำเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในทุกเทศกาลสำคัญ อาทิ เทศกาลตรุษจีน สงกรานต์ และเฉลิมฉลองปีใหม่ในช่วงปลายปีนี้ โดย "อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ" จะยกบรรยากาศความสนุกทั่วไทยไว้ที่เดียว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินำเสนอสงกรานต์ 4 ภาคในรูปแบบร่วมสมัย ตั้งแต่วันที่ 11-16 เมษายน 2567 ณ คิง พาวเวอร์ รางน้ำ และเป็นครั้งแรกของการเล่นน้ำสงกรานต์บนถนนรางน้ำ ที่จะมีขบวนแห่และศิลปินดาราร่วมในงานเป็นจำนวนมาก