Authority & Harm

คลื่นมนุษย์หนีภัยสงครามกลางเมืองพม่า ลักลอบเข้าไทยวันเดียวจับได้120คน



กาญจนบุรี-คนต่างด้าวเถื่อน ลี้ภัยสงคราม ทะลักเข้าเมืองกาญจน์ ! สร้างผลประโยชน์ทั่วหน้า ทั้งขบวนการขนคนเถื่อน หน่วยงานภาครัฐ บางคน ในหน่วยงานเกี่ยวข้อง หลัง กอ.รมน.กาญจน์ ได้รับแจ้งเบาแสจากชาวบ้าน มีคนต่างด้าวซุกซ่อนที่บ้านร้าง จึงสนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตม. ปิดล้อมจับต่างด้าวเถื่อนไว้ได้ 120 คน พร้อมรถกระบะ 5 คัน เตรียมผลักดันกลับประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 4 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านในเขตหมู่ 4 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ว่าสงสัยจะมีการนำพาบุคคลต่างด้าวผู้ชายและผู้หญิงจำนวนมากมาพักอายอยู่ในบ้านร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่

หลังรับทราบจึงประสานไปยังนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อสนธิกำลัง อส.ฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ฯ จ.กาญจนบุรี และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตม.จ.กาญจนบุรี นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านร้างหลังดังกล่าว และสามารถจับกุมบรรดาบุคคลต่างด้าวเอาไว้ได้ จำนวน 120 คน พร้อมรถยนต์กระบะ 5 คัน 

ซึ่งสอบถามทราบว่าคนขับรถได้ทิ้งรถหลบหนีไปแล้ว ตรวจสอบหลักฐานบุคคลต่างด้าวทั้ง 120 คน พบว่า ไม่มีใครมีเอกสาร หรือหนังสือเดินทางแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาววัยรุ่นสัญชาติเมียนมาที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้น

จากการสอบถามผ่านล่ามคนไทยที่สามารถพูดภาษาเมียนมาได้ ทราบว่า ขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดทยอยนั่งรถมาส่งที่บ้านร้างแห่งนี้ ได้ 2 ถึง 3 วันแล้ว 

หลังนั่งเรือมาจากประเทศเมียนมา แลัวมาขึ้นฝั่งในเขต .อสังขละบุรี แล้วพักค้างคืนในป่า 1-2 คืน จากนั้นก็จะมีคนนำพาขับรถกระบะมารับ โดยจะเสียค่าใช้จ่ายต่อห้ว/ หัวละ 15,000 บาท บางคนก็เสีย 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าจะเดินทางไปไหน

หลังจากที่คนนำพามาพักอยู่ที่บ้านร้าง ก็จะมีคนขับรถมารับไปส่งตามจังหวัดต่างๆ ส่วนใหญ่จะเดินทางไปหาเพื่อน หรือหาญาติที่ทำงานกรีดยางอยู่ทางภาคใต้ หรือฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางรถยนต์กระบะ 5 คัน นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีและทำประวัติ ก่อนจะคุมควบตัวส่งกองกำการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี เพื่อเตรีบมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

มีรายงานข่าวว่า ในช่วงต้นเดือนมีนาคม-เมษายน 2567ที่ผ่านมาพบว่า สถิติการลักลอบเข้าเมืองของบรรดาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมามีสถิติที่สูงขึ้น จำนวนบุคคลต่างด้าวในแต่ละครั้งที่จับได้มีจำนวนมากขึ้น

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นพบว่า ประเด็นหลัก ในประเทศเมียนมาเกิดภัยสงคราม ทำให้บุคคลเหล่านี้อยู่และทำมาหากินไม่ได้ ประเด็นรองลงมา เศรษฐกิจย่ำแย่ หากินฝืดเคือง จึงต่างว่าจ้างขบวนการนำพาบุคคลเหล่านี้ลักลอบเข้ามาหางานทำโดยผิดกฎหมาย หากโดนจับ ก็แค่ถูกควบคุมคัวไม่เกิน 1 เดือนแล้วก็ถูกผลักดันกลับประเทศ พอหาเงินได้ก็ว่าจ้างขบวนการขนคนเถื่อนนำพาเข้ามาใหม่ หากถูกจับได้ก็เข้าอีหรอบเดิม คือถูกกักขังประมาณไม่เกิน 1 เดือนก็ถูกเนรเทศ จึงทำให้บุคคลต่างด้าวเถื่อนเริ่มไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ไทย และกฎหมายไทย

มีรายงานข่าวอีกว่า มีประชาชนเป็นจำนวนมากต่างสงสัยว่า ในฝั่งประเทศไทย หรือแม้แต่เส้นทางตั้งแต่อำเภอสังขละบุรี มาจนถึงอำเภอทองผาภูมิ มีด่านความมั่นคง และจุดตรวจต่างๆ มีเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ตม.จำนวนมากประจำอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ขบวนการขนบุคคลต่างด้าวเถื่อนสามารถลักลอบขนต่างด้าวเถื่อนเข้ามาได้ถึงในพื้นที่ชั้นในอย่างเช่นในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี มีเซฟเฮ้าหลายแห่ง แห่งแรกที่บ้านร้างในเขต ต.หนองบัว แห่งที่ 2 อยู่บนถนนเลียบเชิงเขาใกล้รีสอร์ท ริมถนนสายเลี่ยงเมือง ต.ปากแพรก อ.เมืองฯ แห่งที่ 3 เข้าไปทางวัดหัวนาบน ต.แากแพรกเช่นกัน

ซึ่งการขนส่งส่วนใหญ่จะนำบุคคลต่างด้าวเหล่านี้ออกเดินทางไปสับเปลี่ยนรถยนต์ ตามลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดัง หลังขนย้ายเปลี่ยนถ่ายรถเรียบร้อย ก็จะเดินทางไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครฯ แยกไปตามจังหวัดต่างทั่วประเทศ หากเจอด่านตรวจ นายหน้าก็จะมีการเจรจาจ่ายค่าเดินทางเป็นรายหัว

ในส่วนการขนบุคคลต่างด้าวลงภาคใต้ ก็จะเดินทางไปตามถนนเลียบริมคลองชลประทานตั้งแต่ อ.ท่าม่วง อ.ท่ามะกา เลียบริมคลองชลประทานไปเข้าเขต จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี ตามลำดับ