In News

นายกฯหารือนายกฯบังกลาเทศดันFTA พร้อมลงนามความตกลงร่วมกัน5ฉบับ



กรุงเทพฯ-นายกฯ ให้การต้อนรับและหารือ นายกฯ บังกลาเทศ เดินหน้าความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างรอบด้าน ลดอุปสรรคการค้าและการลงทุน พร้อมผลักดันการเจรจา FTA ไทย – บังกลาเทศ ภายในปีนี้ และไทย - บังกลาเทศ มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทุกมิติ โอกาสดีลงนามความตกลง 5 ฉบับ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนสองประเทศ พร้อมกันนี้ นายกฯ บังกลาเทศชื่นชมไทยหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ และเชิญนายกฯ เยือนบังกลาเทศ

วันนี้ (26 เมษายน 2567) เวลา 10.30 น. ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ เชค ฮาซีนา (Her Excellency Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี แล้วจึงเชิญนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน และทั้งสองฝ่ายร่วมหารือทวิภาคี (Four Eyes) ณ ห้องสีงาช้างด้านใน หลังจากนั้นเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีหารือเต็มคณะร่วมกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ณ ตึกภักดีบดินทร์ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือเต็มคณะ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยและบังกลาเทศมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน พร้อมเชื่อมั่นว่า การเยือนในครั้งนี้จะเป็นโอกาสเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคี โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุนเพื่อกำหนดทิศทางที่ชัดเจนร่วมกันเพื่อสร้างความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองแก่ทั้งสองประเทศ 

นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศยินดีกับการเยือนครั้งนี้ ขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลไทย ทั้งสองประเทศมีรากฐานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันในทุกระดับมาอย่างยาวนาน รวมทั้งความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งต่างมีความเชื่อมโยงกันทั้งด้านวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์ ปณิธานในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนความร่วมมือพหุภาคีเพื่อผลักดันความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคร่วมกัน รวมทั้งชื่นชมโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของไทย เช่น ด้านการเกษตร ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งถือเป็นต้นแบบของบังกลาเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มพูนความร่วมมือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการในโอกาสแรก

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้

ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและบังกลาเทศมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด ซึ่งจะมีการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - บังกลาเทศ (Thailand - Bangladesh FTA) โดยจะร่วมกันผลักดันการเจรจา FTA ภายในปี 2567 นี้ ทั้งนี้ บังกลาเทศถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ จึงเชื่อมั่นว่าการจัดทำ FTA จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขยายการเข้าถึงตลาดและส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมฮาลาล การแปรรูปอาหารมูลค่าสูง และความร่วมมือด้านพลังงานในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 

การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งบังกลาเทศ เชิญชวนนักลงทุนไทยร่วมลงทุนในบังกลาเทศเพิ่มเติม โดยทั้งสองประเทศสามารถขยายตลาดการค้าในภูมิภาคอาเซียนได้ โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย เนปาล และภูฏาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้บังกลาเทศพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่นักลงทุนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะผ่อนปรนกฎระเบียบด้านภาษีที่ภาคเอกชนต้องจ่ายภาษีเงินได้ล่วงหน้า (Advance Income Tax: AIT) และข้อจำกัดในการโอนเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศ (Foreign Currency Remittance Regulations) 

ด้านการเกษตร เห็นพ้องด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยนายกรัฐมนตรีขอให้บังกลาเทศพิจารณานำเข้าสินค้าฮาลาลและผลไม้จากไทย ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญ และพร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีแก่บังกลาเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันผ่านมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่าง ๆ ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านอุตสาหกรรมการเกษตร การแปรรูปอาหาร และด้านการประมงน้ำลึก 

ด้านการส่งเสริมความเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อความคืบหน้าในการผลักดันการเปิดเดินเรือระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือจิตตะกอง เป็นเส้นทางเดินเรือที่มีศักยภาพ ช่วยลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ส่งเสริมความเชื่อมโยงทางทะเล 

ด้านความร่วมมือระหว่างประชาชน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและบังกลาเทศสามารถบรรลุการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและบังกลาเทศมากขึ้น โดยบังกลาเทศเสนอการยกเว้นการตรวจลงตราเพิ่มเติมสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางในประเภทอื่น ๆ ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีพิจารณาต่อไป พร้อมเห็นถึงศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว การมีมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่สามารถเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวได้ 

ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไทยพร้อมแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญไทยให้การสนับสนุนบังกลาเทศในด้านการฝึกอบรมและเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรองรับความต้องการบริการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบังกลาเทศเห็นพ้องและยินดีที่จะเสนอความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ซึ่งจะช่วยบังกลาเทศในการตอบสนองความต้องการใหม่ และส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่จะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศอีกครั้ง ในการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 6 (the 6th BIMSTEC Summit) ในวันที่ 4 กันยายน 2567 นี้ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในปีนี้ โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานร่วมกัน ผลักดันการบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี BIMSTEC

ด้านสถานการณ์เมียนมา ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศคำนึงถึงผู้ลี้ภัยที่มีจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงแนวทางของไทยที่ยินดีให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งยึดหลัก Unified, Stable and Peaceful ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าไทยยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศกล่าวถึงชื่อของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า শ্রেষ্ঠ (Shreshtha) ในภาษาเบงกาลี ซึ่งมีความหมายว่า The Best จึงเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการเยือนครั้งนี้จะมีความหมายสำคัญยิ่งต่อความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

ไทย - บังกลาเทศ มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทุกมิติ โอกาสดีลงนามความตกลง 5 ฉบับ 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ เชค ฮาซีนา (H.E. Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 5 ฉบับ ดังนี้

1) หนังสือประกาศเจตนารมณ์เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - บังกลาเทศ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยและบังกลาเทศ

2) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ

3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงไฟฟ้า พลังงานและทรัพยากรแร่แห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ

4) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการบินพลเรือนและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ

5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากรระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย กับศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและบังกลาเทศแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ดังนี้

​​​​​​​

นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและคณะ ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประเทศไทยและบังกลาเทศต่างมีมิตรภาพอันยาวนานร่วมกันนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) รวมทั้ง มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน การเยือนฯ ครั้งนี้ จึงตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นผ่านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านการพัฒนา และการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ พร้อมย้ำความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ดังนี้ 

ด้านการค้า ทั้งสองฝ่ายยินดีกับปริมาณการค้าทวิภาคีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้บังกลาเทศส่งเสริมการลงทุน และมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing business) ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนไทย และอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนได้มากขึ้น

นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยและบังกลาเทศให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบรรลุความตกลงการค้าเสรี FTA ไทย – บังกลาเทศ โดยเชื่อมั่นว่า หนังสือประกาศเจตนารมณ์ (Letter of Intent) ที่ลงนามในวันนี้ จะช่วยเร่งกระบวนการเจรจาได้ โดยในวันนี้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 3 ฉบับ และความตกลง 1 ฉบับ ได้แก่  (1) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและบังกลาเทศมากขึ้น (2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดศักยภาพที่แท้จริงจากความร่วมมือด้านพลังงาน (3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร ที่จะนำไปสู่การควบคุมชายแดนและการต่อต้านการลักลอบขนของอย่างมีประสิทธิภาพ และ (4) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว ที่จะช่วยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีร่วมกัน

ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งหวังที่จะยกระดับความร่วมมือ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมฮาลาล และการแปรรูปอาหาร โดยจะใช้ทรัพยากรที่มีร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชาชนทั้งสองประเทศ

โครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยง ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงผ่านการขนส่ง ระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองที่จะช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อทางทะเล และผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ไทยมีบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ ในราคาที่เหมาะสมสำหรับชาวบังกลาเทศที่ต้องการเข้ารับการรักษาในไทย และได้หารือถึงความร่วมมือในการฝึกอบรมและเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ชาวบังกลาเทศ

ด้านร่วมมือทางการศึกษา ไทยเสนอความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา ซึ่งรัฐบาลยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมการศึกษาแบบบูรณาการการทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน

ความร่วมมือภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปลายปีนี้ และบังกลาเทศจะเป็นประธานคนต่อไป โดย BIMSTEC ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสร้างเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและเป็นกลไกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองภูมิภาค ด้วยจำนวนประชากรรวมกัน 1.8 พันล้านคน BIMSTEC จึงมีศักยภาพอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ ไทยได้ชื่นชมบทบาทของบังกลาเทศในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาผู้พลัดถิ่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) ซึ่งไทยให้การสนับสนุนความพยายามของบังกลาเทศมาโดยตลอดเพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนในประเด็นดังกล่าว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำในนามของรัฐบาลไทยว่า ไทยจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับสาธารณะ พร้อมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และคณะอีกครั้งสำหรับการมาเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้

ในส่วนของนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและบังกลาเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานสืบมาจากทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ โดยบังกลาเทศยินดีกับความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน และหวังว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ในการนี้ นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้ขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาอำนวยความสะดวก (ease of doing business) การลงทุนสำหรับภาคเอกชนบังกลาเทศ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนบังกลาเทศเช่นกัน