Authority & Harm
พ่อลูกสามร้องสือเมียเป็นเจ้าหญิงนิทรา สสจ.โคราชแจงเสียใจรีบหาทางช่วยเหลือ
นครราชสีมา-ล่าสุดผอ.สสจ.โคราช ขอแสดงความเสียใจ พ่อลูก 3 หลังผ่าคลอด เมียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เผยคณะแพทย์ไม่ปรารถนาที่จะให้เกิด กับใคร เตรียมหาทางช่วยเหลือ
กรณีผู้ใช้ facebook ชื่อเสิด หนุ่มชาวดอย ได้โพสต์รูปภาพคู่กับภรรยาที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นานกว่า 7 เดือนแล้ว เป็นเจ้าหญิงนิทรา พร้อมเขียนข้อความตัดพ้อว่า โลกใบนี้มีคนมากมายอุตส่าห์เจอกันใช้ชีวิตเดียวกัน 7 ปีมีลูกด้วยกัน 3 คน และสัญญาจะใช้ชีวิตในบั้นปลายในส่วนเล็กๆ แต่แฟนกลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องกินอาหารผ่านทางสายยาง เจาะคอในการหายใจ สาเหตุเกิดจาก ภรรยาได้ไปผ่าคลอดลูกคนเล็ก จนเกิดการผิดพลาด และทำให้ภรรยา ไม่สามารถจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ จึงต้องการคำตอบจากโรงพยาบาล ถึงเรื่องราวดังกล่าว และขอความยุติธรรม พร้อมขอให้ช่วยแชร์ไปยังถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือ
นายแพทย์สุผล ตติยนันทพร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเรามีเงินมาตรากองทุน 41 โดยสปสช.ได้ออกแบบกองทุนทุกจังหวัด โดยจังหวัดนครราชสีมาก็มีคณะกรรมการ บริหารกองทุนเพื่อเยียวยา โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด จึงทราบว่าทางครอบครัวได้มีการรับเงินจำนวน 4 แสนไปแล้ว ทุกๆเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ในระบบคุณภาพบริการ มาตรฐานสาธารณสุข ในวงการแพทย์ จะต้องมาทบทวนรูทคอร์ท กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามีรายละเอียดของสาเหตุรูดคอร์สอย่างไร เส้นทางผอ. โรงพยาบาลสีคิ้วก็ได้มีการหารถคอร์สเพื่อหามาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก การรักษาคนไข้ก็มีความเสี่ยงในทุกเคส เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ ในแง่ของผู้ให้บริการ ไม่สบายใจอย่างแน่นอน เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้น ต้องขอเช็คข้อมูลกับรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนให้ข่าว ในส่วนของญาติของผู้เสียหายต้องการที่จะให้ทีมคณะผู้ทำคลอดเนี่ยรับผิดชอบ นอกเหนือจากเงินที่ได้จากสปสชจำนวน 400,000 บาท นั้น จะขอลงไปดูถึงรายละเอียดดังกล่าวก่อน ซึ่งจะให้ความเป็นธรรม อย่างจริงใจ กับครอบครัวที่เกิดขึ้น ฝากถึงครอบครัวขอแสดงความเห็นใจ จากการมาผ่าตัดคลอดแล้วเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยคณะแพทย์ไม่ปรารถนาที่จะให้เกิด กับใครก็ตาม และจะให้ความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุดกับผู้ที่หาย
พ่อลูกสามโร่ร้องสื่อฯพาเมียไปผ่าคลอด เป็นเจ้าหญิงนิทรา
กรณีผู้ใช้ facebook ชื่อเสิด หนุ่มชาวดอย ได้โพสต์รูปภาพคู่กับภรรยาที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นานกว่า 7 เดือนแล้ว เป็นเจ้าหญิงนิทรา พร้อมเขียนข้อความตัดพ้อว่า โลกใบนี้มีคนมากมายอุตส่าห์เจอกันใช้ชีวิตเดียวกัน 7 ปีมีลูกด้วยกัน 3 คน และสัญญาจะใช้ชีวิตในบั้นปลายในส่วนเล็กๆ แต่แฟนกลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องกินอาหารผ่านทางสายยาง เจาะคอในการหายใจ สาเหตุเกิดจาก ภรรยาได้ไปผ่าคลอดลูกคนเล็ก จนเกิดการผิดพลาด และทำให้ภรรยา ไม่สามารถจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ จึงต้องการคำตอบจากโรงพยาบาล ถึงเรื่องราวดังกล่าว และขอความยุติธรรม พร้อมขอให้ช่วยแชร์ไปยังถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าว จึงได้เดินทาง ไปที่บ้านกุดชะนวน หมู่ 4 ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พบนายประเสริฐ ศักดิ์เจริญชัยกุล อายุ 38 ปี เจ้าของช่อง youtuber หาปลา กำลังเลี้ยงลูก ทั้งหมด 3 คน คนที่ 1 ผู้ชายอายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 คนที่ 2 ผู้หญิงอายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 และคนสุดท้องอายุ 7 เดือนเพศชาย และแม่อายุ 70 ปี ก็ช่วยคอยเลี้ยงหลาน พอเห็นนักข่าวไปที่บ้านก็ถึงกลับน้ำตาหลั่งออกมา และบอกว่าช่วยผมด้วย หนทางสุดท้าย
จากการสอบถามนายประเสริฐ สามี เล่าว่า ภรรยาชื่อนางสาวเบญจมาศ อัศวสิริมงคล อายุ 31 ปี อาชีพขายของออนไลน์ มีลูกทั้งหมด 3 คน ซึ่ง 2 คนแรกคลอดเองทั้งหมด จนกระทั่งบุตรชายคนที่ 3 ต้องผ่าคลอด เพราะว่าแพทย์อ้างว่า เด็กจะมีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม จะทำให้คลอดยาก หากจะใช้เครื่องดูดเด็กออกมาก็จะทำให้เกิดอันตราย แพทย์จึงนัดให้มาทำการผ่าคลอดในช่วงเช้าของวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ด้วยการดมยาสลบ แต่ก่อนหน้านั้นแฟนสาวของตนมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดก็ยังพูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส และให้กำลังใจกัน หลังจากผ่าตัดเสร็จ ลูกชายคนเล็กปลอดภัย ส่วนภรรยาอาการโคม่าโรงพยาบาล อำเภอสีคิ้ว ได้ส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อย่างเร่งด่วน และก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น บอกเพียงว่าให้ทำใจตอนนี้กำลังยื้อชีวิตแฟนสาว จึงทำให้ตนเองนั้นเกิดอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันรวดเร็วมาก หลังจากเกิดเหตุได้ 2 วันทางโรงพยาบาลและทีมคณะแพทย์ก็ได้เข้ามาทำการขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับนำเงินใสซองให้จำนวน 5,000 บาท แพมเพิสเด็ก และนมจำนวนหนึ่งมอบให้
ในเบื้องต้น หลังจากนั้นก็พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 29 วัน ก่อนจะกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลสีคิ้ว อีกประมาณ 5 เดือน แต่เกิดการติดเชื้อจึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกรอบ ล่าสุดพักรักษาตัวได้นานกว่า 10 วันแล้ว และอาการก็ไม่ได้ดีขึ้น ไม่มีการตอบสนองที่ดี โดยแพทย์ก็ได้มาบอกให้ตนเองทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้มีการยื่นเบิกเงินมาตรา 41 ระบุไว้ว่า ถ้าผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการ สามารถขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาทโดยโอนเข้าบัญชีภรรยา แต่ตนเองต้องการที่จะให้ทีมคณะแพทย์และพยาบาลที่ทำการคลอดลูก ในวันเวลาดังกล่าวออกมาร่วมแสดงความรับผิดชอบ ในการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งมันไม่สามารถที่จะประเมินมูลค่าได้ ซึ่งตอนว่าจะปรึกษาทนายความเพื่อจะฟ้องร้องในขั้นตอนต่อไป หรือผมอาจจะไปแขวนคอเพื่อหาความยุติธรรมที่น่าโรงพยาบาลอำเภอสีคิ้ว เพราะชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว รถก็จะถูกไฟแนนซ์ยึดเพราะไม่มีเงินที่จะจ่าย
แพทย์หญิงอารีย์ เชื้อเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสีคิ้ว เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นางสาวเบญจมาศ ได้มาคลอดบุตรที่โรงพยาบาล โดยทางคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดด้วยการดมยาสลบ ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงสามารถนำตัวบุตรชายออกมาได้โดยสมบูรณ์ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร หลังจากนั้นพบว่าแม่มีอาการผิดปกติ หายใจอ่อนลง เพราะขาดอากาศไปเลี้ยงสมอง ทีมคณะแพทย์จึงทำการปั๊มหัวใจ และรีบนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อช่วยชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทางโรงพยาบาลก็ได้ทำการคลอดบุตรตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่น่าจะเกิดจากดมยาสลบและร่างกายของคนไข้ต่อต้าน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซึ่งหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะเป็นแบบนี้ โดยทางคณะแพทย์และทีมงานก็ยังเสียขวัญอยู่ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะก็ได้ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ หลังจากที่เกิดเหตุ ก็ได้รวบรวมเงินเป็นจำนวน 5,000 บาทเพื่อเยี่ยวยาในเบื้องต้น พร้อมกับเจอแพมเพิสและนมไปให้เด็กไว้ใช้ และประสานงานไปยัง สปสช ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท โดยทางสปสชก็ได้ช่วยเหลือไปเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ประมาณ 5 เดือน ทางโรงพยาบาลมีการดูแลเหมือนญาติ อำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายกับทางครอบครัว และทางโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่เคยท้าทายทางญาติผู้ป่วยให้ไปฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย ตามที่ญาติได้กล่าวอ้างไป
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา