Authority & Harm

จับหนุ่มปากีฯ-เมียไทยลวงฆ่าหนุ่มอินเดีย แล้วทิ้งศพริมถนนพบปมขัดแย้งธุรกิจ



พังงา-จับหนุ่มปากีสถานพร้อมเมียชาวไทย ร่วมลวงหนุ่มชาวอินเดียมาฆ่าแล้วทิ้งศพริมถนน พบปมขัดแย้งทางธุรกิจ

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีชาวต่างชาติถูกคนร้ายฆ่าทิ้งศพริมถนนสายบ้านในหยง-ท่าอยู่  พื้นที่ ม.3 บ้านนา ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา สภาพร่างกายสวมเสื้อยืดคอปกสีเหลือง กางเกงสามส่วนสีดำ พบบาดแผลบริเวณแก้มซ้าย และ ศีรษะด้านหลัง จากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน ล่าสุดตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.8 พล.ต.ต.นิพนธ์ พาณิชเจริญ รอง ผบช.8 พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.พังงา และพล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส..ภ.8 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ภ.จว.พังงา ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.8 ร่วมกับชุดกองบังคับการปราบปราม กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และชุดสืบสวน สภ.โคกกลอย ดำเนินการสืบสวน จนทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ MR.POULOSE VARGHESE สัญชาติอินเดีย หมายเลขหนังสือเดินทาง W5339395 เดินทางเข้ามาในประเทศโทย เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567โดยได้เดินทางเขามาพร้อมกับ MR.YASIR ASHFAQ อายุ 32 ปี สัญชาติปากีสถาน หมายเลขหนังสือเดินทาง EP1843912 ( ผู้ต้องหาที่ 1) และผู้เสียชีวิตแจ้งว่าพักในคอนโดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองภูเก็ต 

ต่อมาในเวลา 21.30 น. พล.ต.ต.นิพนธ์ พาณิชเจริญ พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.พังงา และพล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส..ภ.8 ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า ชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกันที่ประเทศดูไบ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ผู้เสียชีวิต ได้ร่วมทุนถือหุ้น ห้างหุ้นส่วน เทอร์กิด จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจนำเที่ยว ของ นางคาดิจายาซิร์ อัซฟาก อายุ 39 ปี สัญชาติ ไทย ( ผู้ต้องหาที่ 2 ) ซึ่งเป็นภรรยา ของ ผู้ต้องหาที่ 1 จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตกับผู้ต้องหาที่1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้มีปัญหาขัดแจ้งกันเกี่ยวกับธุรกิจ  ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้วางแผน จัดเตรียมอาวุธปืน และลวงผู้เสียชีวิตพาโดยสารรถยนต์ของผู้ต้องหามายังที่เกิดเหตุ และได้ใช้อาวุธปืนยิงจนถึงแก่ความตาย และได้ทิ้งศพไว้ในที่เกิดเหตุ โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผู้ต้องหาพาผู้เสียชีวิตไปก่อเหตุ พบรถยนต์ที่ผู้ต้องหาใช้เป็นพยานพาหนะ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้น บ้านเลขที่ 115/27 ม.3 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 2 ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบรองเท้าผู้เสียชีวิต และเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะเกิด  ต่อมาได้ทำการการตรวจค้นห้องพักที่คอนโดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งผู้ต้องหาได้เช่าพักอาศัย ผลการตรวจค้นได้พบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตที่ผู้ต้องหาทั้งสองนำไปเก็บไว้ และพบรถยนต์ โตโยต้า วีออส สีขาว คันหมายเลขทะเบียน กว 2113 ภูเก็ต ที่ผู้ต้องหาทั้งสองใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุซึ่งมีร่องรอยกระสุนปืนและคราบเลือดของผู้เสียชีวิตในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ประสาน พฐ.จว.พังงา และ พฐ.จว.ภูเก็ต จัดเก็บวัตถุพยาน   จนมีพยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพังงาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นผู้ต้องหาในการสารภาพและได้พาเจ้าหน้าที่ไปเก็บทรัพย์สินของผู้ตาย 

จากการแกะรอยจากกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 ผู้ต้องหาทั้งสองได้พาผู้ตายนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว จากจังหวัดภูเก็ตมุ่งหน้าไปยัง จ.พังงา โดยมี นางคาดิจายาซิร์ อัซฟาก เป็นคนขับ แต่ระหว่างทางผู้ตายซึ่งนั่งข้างคนขับได้มีปากเสียงกับ MR.YASIR ASHFAQ ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ในเรื่องธุรกิจ MR.YASIR ASHFAQ จึงบอกให้นางคาดิจายาซิร์ ขับรถไปจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วใช้อาวุธปืนยิง MR.POULOSE VARGHESE จนเสียชีวิตก่อนลากศพลงไปทิ้งไว้บริเวณที่เกิดเหตุและหลบหนีไปที่บ้านพักในพื้นที่ ต.โคกกลอย จ.พังงา เพื่อล้างรถทำลายหลักฐาน และนำอาวุธปืนไปซ่อนไว้ที่บ้านหลังนั้น จากนั้นได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ตายไปเก็บไว้ที่คอนโดในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต  สำหรับจุดที่ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหานี้เป็นคนก่อเหตุ คือพิสูจน์คำให้การที่บอกว่าแยกกับผู้ตายที่หาดกะตะนั้น  พบว่าไม่จริงพบว่า ทั้งหมดขึ้นรถไปด้วยกัน และผู้ตายก็สวมชุดเดียวกับที่เป็นศพ ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมสอบเชิงลึกในเรื่องมูลเหตุและธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วย