Think In Truth

จับตา18มิ.ย.67นี้ดีเดย์3คดีใหญ่ชี้ชะตา การเมืองไทย โดย : ฅนข่าว 2499



เชื่อว่าในห้วงนี้คอการเมืองไทยทั้งมวลกำลังจ้องไม่วางตากับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือ รธน.นัดดีเดย์ในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567 นี้เพื่อพิจารณา 3 คดีสำคัญเพราะจะเป็นการชี้ชะตาการเมืองไทยว่าจะเดินไปในทิศทางใดโดยคดีแรก คือ ศาลรัฐธรรมนูญยื่นหลักฐานเพิ่มเติมคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล คดีที่ 2 กรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หลังเลื่อนรายงานตัวเนื่องจากติดโควิด และคดีที่ 3 กรณีศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพิจารณาคดีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ

ย้อนไปเมื่อวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยเเพร่เอกสารข่าวชี้แจงว่า ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีสำคัญ ดังนี้ คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ เป็นเหตุยุบพรรคตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และห้ามไม่ให้ กก.บห. และผู้ถูกเพิกถอนสิทธิไปจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็น กก.บห. หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคใหม่ 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว มีคำสั่งให้ กกต.ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 17มิถุนายน 2567 และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 18 มิถุนายน 2567

นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังพิจารณาคดีที่ สว.40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันมิซื่อสัตย์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้ง 2 สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 17 มิ.ย. และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย.นี้

ส่วนกรณีที่ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งผู้ฟ้องคดีรวม 2 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เวลา 09.30 น.

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พิจารณาไต่สวน หรือเรียกพยานตามที่พรรคก้าวไกลยื่นไป ตามเอกสารที่เห็นคือสั่งให้ กกต.ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ กกต.เคยยื่นพยานหลักฐานและพยานบุคคลแล้ว การที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ยื่นเพิ่มเติมจะเกี่ยวกับเรื่องใด เป็นพยานบุคคลหรือเอกสาร ยังไม่ทราบ แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งของพรรค ก.ก. ที่เห็นว่าการยื่นของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยิ่งคำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต.เป็นการยอมรับเองว่า กกต.ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบที่ กกต.กำหนด ในการยื่นยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญมาตรา 92 และ 93 ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นประเด็นสำคัญในข้อต่อสู้ของพรรค ก.ก. จึงให้ กกต.ส่งเอกสารเพิ่มเติม แต่ยังบอกไม่ได้ สุดท้ายศาลจะเปิดให้ไต่สวนอีกหรือไม่ หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ การเปิดให้ไต่สวนอย่างเปิดเผยย่อมดีที่สุดกับทุกฝ่าย เพื่อให้คำวินิจฉัยออกมาเป็นที่ยอมรับ

สำหรับที่ประธาน กกต.ระบุว่าไม่จำเป็นต้องให้พรรค ก.ก.มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เพราะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วนั้น การแยกข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน เป็นคนละเรื่องกับการปฏิบัติตามกระบวนการกฎหมาย และระเบียบที่ กกต.กำหนด การยื่นร้องยุบพรรคการเมืองต้องมีขั้นตอนการตั้งคณะบุคคลขึ้นมา เพื่อสรุปรายงานแก่นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.พิจารณาก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ การบอกว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะไม่ทำตามกฎหมาย แม้จะอ้างมีพยานหลักฐานเพียงพอ แต่กระบวนการตามขั้นตอนต้องมีครบ ให้พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องมีโอกาสโต้แย้งก่อน แล้วค่อยมีมติว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ จึงไปยื่นยุบพรรค ไม่ใช่ กกต.ใช้ดุลพินิจโดยลำพัง

นายชัยธวัชกล่าวถึงกรณีการเช็กชื่อลูกพรรคที่อาจย้ายไปอยู่พรรคอื่น หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ว่า ไม่จำเป็นต้องเช็กชื่อตอนนี้ ขณะนี้ ส.ส.เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เป็นหลัก ยังเชื่อมั่น สส.ก้าวไกลยึดมั่นอุดมการณ์ ไม่เป็นงูเห่า คิดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เห็นความสำคัญของการไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ในการเลือกตั้ง ยืนยันพรรคไม่ได้เสียขวัญ ยิ่งฟังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. แถลงข้อต่อสู้ในคดี ทำให้ สส.รู้สึกว่ามีประเด็นต่อสู้ได้อยู่

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชา รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึง การตั้งข้อสังเกตมีคดีสำคัญทางการเมืองรอการพิจารณา ในช่วงเดือน มิ.ย. อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ได้ว่า มีหลายเรื่องมาบรรจบกันพอดีในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ทำให้เกิดกระแสข่าวอาจเกิดรัฐประหาร แต่คงไม่ถึง ขั้นนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ภายใต้บริบทการเมืองไทย ที่ประชาธิปไตยไม่ตั้งมั่น การรัฐประหารมีความเสี่ยง เกิดขึ้นได้ตลอด แต่จะพัฒนารูปแบบจากเคยขนอาวุธ ยึดสถานที่สำคัญ มีพัฒนาการรัฐประหารด้วยดอกไม้ รัฐประหารในห้องประชุม แต่คิดว่าคงไม่ถึงขั้นมีโอกาส เปลี่ยนแปลงล้มรัฐบาล ล้มพรรคก้าวไกล หรือล้มสว.ได้ แม้จะมีผู้ตั้งทฤษฎี 3 ล้ม แต่ขอเสนอล้มที่ 4 คือ ให้คนที่คิดแบบนี้ล้มความคิด ให้บ้านเมืองไปต่อ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อถามว่ามองดุลอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับทหารเป็นอย่างไร นายยุทธพรตอบว่า การรัฐประหารโดยใช้กำลังทหาร ณ วันนี้ บริบทการเมืองและกระแสโลกเป็นสิ่งที่เกิดได้ยาก แต่รัฐประหารโดยใช้รูปแบบอื่นมีโอกาสเป็นไปได้

นายยุทธพรประเมินว่าพรรคก้าวไกลมีความเสี่ยงสูงถูกยุบพรรค ส่วนจะเกิดการเปลี่ยนขั้วการเมืองหรือไม่นั้น การเปลี่ยนขั้ว การเมืองต้องดูความสำคัญคดีนายเศรษฐา ถ้าต้อง พ้นตำแหน่งนายกฯ ต้องเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถึงตอนนั้นโอกาสจะสลับขั้ว ข้ามขั้วและ เกิดกรณียุบพรรคก้าวไกลในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เป็นไปได้ที่จะเห็นการย้ายพรรค นำไปสู่พรรคใหม่ และไปจับขั้ว 3 เรื่องนี้ในเดือน มิ.ย. สัมพันธ์กันหมด ส่วนที่นายทักษิณพาดพิงถึงคนในป่า มองว่าเป็นการ โต้ตอบกรณี 40 สว.ยื่นตรวจสอบนายกฯ 40 สว.มาจาก การแต่งตั้งของ คสช. นายทักษิณจึงต้องโต้ตอบให้เห็น ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง เป็นการเปิดเกมเชิงรุก ดังนั้น เราจะได้เห็นปรากฏการณ์แปลกๆในการเมือง คืออาจ มีบางพรรคอยู่ร่วมรัฐบาลครึ่งพรรค และไปเป็นฝ่ายค้าน ครึ่งพรรค เป็นรัฐบาลคนละครึ่ง ฝ่ายค้านคนละครึ่ง

สำหรับจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้ให้ทนายความยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด กรณีมีคำสั่งฟ้องในความผิดมาตรา 112 และนัดนำตัวส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 นี้ ได้มีการแสดงความเห็นเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง แม้แต่ระดับอดีตอัยการสูงสุด ทั้งนายตระกูล วินิจนัยภาค ที่ออกมาปฏิเสธเรื่องผลไม้พิษ และนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่ออกมาแสดงความเห็น และอธิบายถึงหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการขอความเป็นธรรมอย่างละเอียดยิบ

ทั้งนี้มีข้อวิจารณ์เรื่องดังกล่าวว่าเป็นสิทธิที่นายทักษิณสามารถทำได้ในฐานะผู้ต้องหา แม้จะมีความเห็นจากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้วก็ตาม เพราะนายทักษิณคือบุคคลพิเศษของประเทศนี้ สามารถทำอะไรได้เหนือกว่าบุคคลประชาชนคนทั่วไปในทุกด้านอยู่แล้ว จนถูกเรียกว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งถ้าเป็นประชาชนคนทั่วไป จะไม่ได้รับสิทธิเหมือนนายทักษิณอย่างแน่นอนหลังจากนี้เป็นต้นไป จะต้องจับตาดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับการดำเนินคดี ม.112 ของนายทักษิณบ้าง

1.อัยการสูงสุดจะมีความเห็นรับพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมของนายทักษิณอย่างไรหรือไม่

2.จะมีการเลื่อนการนำตัวนายทักษิณฟ้องต่อศาลในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 นี้หรือไม่\

3.ถ้าอัยการสูงสุดรับพิจารณาการขอความเป็นธรรมจากนายทักษิณแล้ว อัยการสูงสุดจะกลับคำสั่งฟ้องคดี เป็นคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่

4.ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าหนังสือขอความเป็นธรรมไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จะได้นำตัวนายทักษิณฟ้องศาลเลยหรือไม่ นายทักษิณจะปรากฏตัวต่อศาลหรือไม่

5.เมื่อมีการนำตัวนายทักษิณฟ้องต่อศาล จะต้องจับตาดูว่า ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่

6.ถ้าศาลอนุญาตให้ประกันตัว จะมีการติดกำไลอีเอ็ม ระหว่างการประกันตัวหรือไม่

7.ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัว นายทักษิณจะถูกคุมขังอย่างไร ที่ไหนหรือไม่

นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อว่านายทักษิณจะถูกนำตัวส่งฟ้องศาล และจะได้รับสิทธิประกันตัวอย่างแน่นอน และที่พิเศษกว่านั้น จะเป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวโดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม แม้ว่าจะมีประวัติเคยหนีคดีมาแล้วก็ตาม

อย่างไรก้ตามได้มีการวิเคราะห์กันวงในว่าแต่ละคดีที่รอตัดสินมันเกี่ยวพันกันทั้งกระดานการเมืองเชื่อมโยงกันเป็นโดมิโน ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล คดี “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคดี ม.112 ของ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย

น่าสนใจท่าทีนายใหญ่จันทร์ส่องหล้าที่ออกมาเขย่าซ้ำ “บ้านในป่า”แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อเนื่องอย่างน่าประหลาดใจ ส่งสัญญาณชักธงรบชัดเจนก่อนหน้านี้ก็ขย่มมาแล้วรอบหนึ่ง ให้สัมภาษณ์อัดความเคลื่อนไหวกลุ่ม 40 สว.ที่ออกมาล่ารายชื่อสอย “นายกฯนิด” พุ่งเป้าไปที่ “ลุงในป่า” และเครือข่ายทีมงานใกล้ชิดเต็มๆ

มองว่าเป็นความพยายามเตะตัดขา เล่นเกมต่อรองอำนาจในรัฐบาล