Health & Beauty
'อิริเดซเซ็นท์เมด'ผู้ผลิตกัญชาการแพทย์ ควักงบ500ล้านปักหมุดผุดรง.ที่ชลบุรี
กรุงเทพฯ-อิริเดซเซ็นท์ เมด (Iridescent Med) ผู้ผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์แบบครบวงจรรายใหญ่ของไทย รองรับการผลิต OEM สินค้าต่างๆ จากกัญชาแบบต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ช่อดอกกัญชา เครื่องสำอาง CBD และอาหารเสริม CBD เป็นสินค้าสำเร็จรูปสู่ผู้บริโภค มีกระบวนการปลูก และการผลิตตามมาตรฐานสากล GACP มีคุณภาพสูง สามารถจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ เตรียมแผนสร้างโรงงานใช้พลังงานสะอาด เพื่อความยั่งยืนในอนาคต
สำหรับอิริเดซเซ็นท์ เมด ก่อตั้งโดย “มิณ-สิรัชชา พัชรโสภาชัย” ได้สร้างโรงงานแห่งแรกเมื่อปี 2565 ที่ย่านแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการด้วยงบลงทุน 120 ล้านบาท เรียกได้ว่าขึ้นแท่นเป็นหนึ่งผู้ผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์รายใหญ่ ของไทยอีกเจ้าหนึ่งโดยที่มีโรงงานและกระบวนการปลูกที่ได้มาตรฐาน มีห้อง R&D เพื่อวิจัยและผลิตสายพันธุ์กัญชาที่ใช้เป็นยาสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ จากทีมนักปลูกจากสหรัฐอเมริกาที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
โดยจุดเริ่มต้นของอิริเดซเซ็นท์เมดมาจากที่คุณสิรัชชาเริ่มศึกษาถึงสรรพคุณของกัญชาอย่างจริงจังในการช่วยรักษาโรคของผู้ป่วยสโตรก มะเร็ง และโรคทางสมอง ซึ่งพบว่ากัญชาสามารถรักษาได้จริง จึงอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของกัญชาให้เป็นยา และช่วยเหลือคนจริงๆ จึงเป็นที่มาของชื่อ “อิริเดซเซ็นท์ เมด” ที่มีความหมายถึงการตกกระทบของแสง สื่อถึงว่ากัญชาก็มี 2 มุม ในด้านสันทนาการที่หลายคนเห็น แต่ยังมีมุมในเรื่องของการรักษาโรคให้เห็นอีกด้วย
มิณ-สิรัชชา พัชรโสภาชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า จุดแข็งอิริเดซเซ็นท์ เมด คือ การเป็นผู้ผลิตและส่งออกกัญชาทางการแพทย์แบบครบวงจร คุณภาพได้มาตรฐานสากล สามารถจำหน่ายได้ทั้งใน และต่างประเทศ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตที่บ่มเพาะมาจากงานวิจัย มีโรงงานผลิตตามสินค้ามาตรฐานสากล GACP มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังมีโรงงาน OEM ของตนเอง รับผลิตสินค้ากัญชาเพื่อสุขภาพ และส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรปสินค้าและบริการของ อิริเดซเซ็นท์ เมด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
1. ช่อดอกกัญชาเพื่อการแพทย์ โดยเน้นตลาดส่งออกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง CBD เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เวชสำอาง น้ำมันนวดตัว เจลบรรเทาปวด
3. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม CBD เช่น เจลลี่เพื่อสุขภาพ น้ำมันหยดใต้ลิ้น CBD
สำหรับโรงงานของ อิริเดซเซ็นท์ เมดแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. โรงงานสำหรับปลูกเพื่อผลิตช่อดอกแห้งเพื่อการแพทย์ (Medical grade Cannabis) แบบระบบปิด ทั้งกัญชาที่มีสาร CBD และ สาร THC สูง ซึ่งได้รับมาตรฐาน Global GACP CUMCS จาก Control Union มีกำลังการผลิต 1,000 กิโลกรัม/ปี เพื่อส่งออกต่างประเทศหลัก ไปให้แพทย์ในคลินิกภายใต้แบรนด์ Iridescent Med และส่งออกแบบ OEM อีกด้วย
2. โรงงานที่ผลิตสินค้า และอาหารเสริมที่มี CBD เป็นส่วนผสม เนื่องจากการผลิตสินค้าดังกล่าวจำเป็นต้องแยกมาจากโรงงานที่ผลิตสินค้าปกติ ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสที่เป็น ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรับผลิตสินค้า CBD อีกทั้งปัจจุบันทางบริษัทยังมีแบรนด์ของตัวเอง ทั้ง Iridescent และ ARYU โดยมีสินค้าหลากหลายทั้งเครื่องสำอาง และอาหารเสริมโชว์รูมสำหรับขายสินค้า เพื่อให้โชว์รูมของสินค้าจะเริ่มทำเป็นเคาท์เตอร์แบรนด์ทั้งในไทย และต่างประเทศในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยพื้นที่ขนาด 20 ไร่ ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท ซึ่งโรงงานนี้มีการวางระบบเพื่อรองรับการใช้พลังงานสะอาด สามารถนำแก๊สมาหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นพลังงาน และนำน้ำเสียมาหมักเป็นแก๊สเพื่อปั่นไฟ ทำให้ต้นทุนค่าพลังงาน และค่าผลิตต่ำลง รวมไปถึงมีการปล่อยคาร์บอน ฟุตปริ้นท์ที่ต่ำมาก ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ คาดว่าโรงงานี้จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือราวๆ 20 ตัน/ปี
นอกจากนี้อิริเดซเซ็นท์ เมดเพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน GACP ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2567 ทำให้สามารถส่งออกกัญชาไปต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมายล็อตแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2567 ประเทศแรกที่มีการส่งออกก็คือออสเตรเลีย โดยที่แผนธุรกิจหลังจากนี้จะเน้นที่การส่งออกเป็นหลัก ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ เยอรมัน, ออสเตรเลีย และอิสราเอล
ขณะเดียวกันอิริเดซเซ็นท์ เมดได้ทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำ และทีมผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา ร่วมกันทำโปรเจ็ควิจัยกัญชาทางการแพทย์ จากการทดลองดังกล่าวนำไปสู่การปลูกกัญชาในห้องปลอดเชื้อ การคัดเลือกปุ๋ยที่เหมาะสมกับแต่ละสายพันธุ์ และการควบคุมแสง ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในการการปลูก เก็บเกี่ยว ผลิต และแปรรูป ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า และได้ผลผลิตคุณภาพสูงในห้องปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO8 นำไปสู่การปลูกกัญชาที่มีความบริสุทธิ์สูง สิ่งเจือปนน้อย ปลอดภัยสำหรับใช้ในการแพทย์ สามารถส่งออก และนำไปผลิตสินค้ากัญชาคุณภาพสูง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค