In News

นายกฯแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเดินหน้า เงินดิจิทัล-10นโยบายด่วน-โจรออนไลน์



กรุงเทพฯ-นายกฯ “แพทองธาร” ขอฝ่ายค้าน อย่าแค้น วอนร่วมมือทำงานสภาสร้างสรรค์ ย้ำเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด สานต่อรัฐบาล “เศรษฐา” น้อมรับทุกคำแนะนำ ทุกการเรียนรู้ แถลงนโยบายถึงความมั่นใจเป็นรัฐบาลแห่ง “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” เดินหน้าพลิกฟื้นประเทศ ผลักดันประโยชน์วันนี้ เพื่ออนาคตของประชาชนทุกคน ยืนยันเดินหน้าต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อมั่นช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน เปิด“10 นโยบายเร่งด่วน”เร่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ”นายกรัฐมนตรีเร่งผลักดัน แก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาความมั่นคงของสังคม ฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทยและสากล และเริ่มแถลงนโยบาย ประกาศเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์แบบไร้รอยต่อ เสริมสร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นสร้างความปลอดภัยของ ปชช. และความมั่นคงของชาติ

วันนี้ ( 12 กันยายน 2567)  เวลา 18.05 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ชี้แจงในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่า ต้องขอขอบคุณทุกข้อเสนอแนะ ขอยืนยันว่าได้รับฟังจากทุกท่านอย่างชัดเจนและขอยืนยันว่านโยบายหลายนโยบายที่ได้หยิบยกขึ้นมา บางนโยบายก็ได้ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว บางนโยบายก็ดำเนินการอยู่ ซึ่งสามารถเช็กข้อมูลเหล่านี้ได้จาก สส.พื้นที่ที่ลงพื้นที่พบประชาชน

ส่วนเรื่องยาเสพติดเมื่อสักครู่นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงไปแล้วว่าเราจะสานต่อนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน เพราะสมัยที่นายเศรษฐา เป็นนายกฯ เราได้ป้องกันตามแนวชายแดนและสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามา ซึ่งจากที่ตนเองได้พูดกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว  

ส่วนการจับผู้ค้ารายใหญ่เรื่องยาเสพติดก็จะทำให้รายเล็กหายไปโดยปริยาย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่หลายราย ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติดตนเองได้รับข้อมูลจาก สส. และประชาชนว่าหนักใจในเรื่องนี้ ไม่สามารถรอได้ เราพยายามมุ่งประเด็นนี้อย่างเข้มข้น และตนเองได้วางแผนแล้วว่าจะลงไปในพื้นที่ต่างๆ  เพราะเมื่อแถลงนโยบายแล้วก็สามารถสั่งการได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญและจากที่ สส.ได้พบชาวบ้าน บอกว่า ดิจิทัลวอลเล็ตไม่เอาแล้ว ขอแก้เรื่องยาเสพติดก่อน 

ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญขณะนี้เราเริ่มทำแล้วและจะมีการเร่งรัดผ่านกระบวนการในรัฐสภา ซึ่งทุกคนจะมีส่วนร่วม โดยจะต้องทำไปพร้อมกัน ขณะที่เรื่องพลังงาน นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้มีการชี้แจงไปแล้ว 

ทั้งนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอน้อมรับ ทุกคำแนะนำ ทุกการเรียนรู้  เรื่องประวัติศาสตร์ บาดแผล ยึดมั่นในหลักนิติธรรมและจะพยายามทำให้ถึงที่สุด ซึ่งหลายครั้งตนเองเข้าใจดีและเข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหลายปีที่แล้ว พรรคเพื่อไทยเองได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน ต่อมาพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้านมาจนถึง 4 ปี ซึ่งพวกเราก็ยังจำได้ดีและเข้าใจในจุดนี้แต่วันนี้การที่พรรคเพื่อไทย ถูกเลือกมาจากประชาชน 10.9 ล้านคนนั่น ก็คือเสียงของประชาชนเช่นกันและพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ได้เสียงจากประชาชนเช่นกัน  ทุกเสียงคือเสียงของประชาชนคนไทยทั้งนั้น ไม่มีเสียงไหนที่มีศักดิ์ศรี หรือด้อยศักดิ์ศรีไปกว่ากันและกันเลย  

“ดิฉันจึงอยากจะขอให้พวกเราทุกคนได้มาร่วมกันสร้างการอภิปรายที่สร้างสรรค์ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชังและไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหัวข้อต่างๆ เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว เราเป็นคนที่อยู่ในสังคมที่อยู่ปัจจุบันนี้ จะสามารถเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนว่าเรามารวมตัวกันที่จะสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชังใน สังคมซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย” นายกฯ ย้ำ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่ใช่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เราเองไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งเราต้องมองเห็นภาพส่วนรวมของประเทศมากกว่าภาพลักษณ์ของตัวเอง เพราะอย่างกรณีที่ตนเองได้แถลงนโยบายเสร็จก็มีการพูดคุยกับหลายหน่วยงานที่ทำเรื่องอุทกภัยตอนนี้น้ำท่วมภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่มีสถานการณ์ที่หนักมากและก่อนตนเองจะมีอำนาจสั่งการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้สั่งการล่วงหน้าและลงมือไปหมดแล้ว ซึ่งดำเนินการได้เร็วมาก  โดยเมื่อวานนี้ประชาชนได้รับอาหารเพียงแค่มื้อเดียวแต่วันนี้ได้รับทั้ง3 มื้อ และเพียงพอ จะเห็นว่ารัฐบาลได้รีบลงมืออย่างเต็มที่ 

“ฉะนั้น ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อจะผ่านวิกฤตของประเทศไปร่วมกัน ไม่ใช่การสร้างความเกลียดชังและไม่ให้อยากให้ฝ่ายแค้นฝ่ายค้าน มีเรื่องคับแค้นใจเราไม่ควรต้องแค้นกัน เราควรต้องเข้าใจกันว่าเราอยู่สภาแห่งนี้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ” นายกฯ ระบุ

มั่นใจเป็นรัฐบาลแห่ง “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม”

เวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยืนยันเจตนารมณ์และนโยบายรัฐบาลสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสในการพัฒนา และสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนทุกคน 

ช่วงแรกของการแถลงนโยบายรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ระบุถึงความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญทั้ง 9 ประการ  ได้แก่ ปัญหาหนี้สินครัวเรือนและความเหลื่อมล้ำของประชาชน  ความท้าทายจากสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่า ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ความมั่นคงของสังคมถูกท้าทายจากการแพร่ระบาดยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์   การประสบปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการ SMEs  ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและการแข่งขันทางการค้าจากต่างประเทศ  การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองยาวนานอันเป็นผลจากการรัฐประหาร ระบบราชการไม่สามารถตอบสนองประชาชนได้อย่างเต็มที่ และการเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีแถลงกล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำทันที เพื่อนำความหวังของคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด ได้แก่ 1. ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ 2. สนับสนุนผู้ประกอบการไทย SMEs 3. ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค  4. การนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี 5. กระตุ้นเศรษฐกิจโครงการดิจิทัลวอลเล็ต  6. เพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตรและราคาพืชผลเกษตร ยกระดับรายได้เกษตรกร 7. ส่งเสริมการท่องเที่ยว 8. แก้ปัญหายาเสพติด 9. เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม  10. ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม 

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายระยะกลางและระยะยาว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน วางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต ประกอบด้วย 1. การสร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิม 1.1 ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนตืสันดาปไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต (HEVs PHEVs BEVs และ FCEVs) 1.2 ส่งเสริม ยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) เพื่อส่งเสริม Soft Power ของประเทศ 2. ส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต  2.1 ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy or Eco-friendly Economy) 2.2 ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) 2.3 มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ (Care and Wellness Economy) และบริการทางการแพทย์ (Medical Hub) 2.4 มุ่งสู่เป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินของโลก (Financial Hub) 3. พัฒนาโครงสร้างเพื่อขยายโอกาส 3.1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัยและนวัตกรรม 3.2 เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ (Mega Projects) 3.3 เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพ 3.4 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล 3.5 เปลี่ยนโครงสร้างทางภาษีครั้งใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ 3.6 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ นอกจากนี้รัฐบาลจะเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย ประกอบด้วย 1. ส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม 2. ยกระดับทักษะและปลดล็อกศักยภาพของคนไทยเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ 3. ยกระดับระบบสาธารณสุขให้ดียิ่งกว่าเดิม ต่อยอดจากรัฐบาลที่แล้วจากพื้นฐานความสำเร็จหลายสิบปีของนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” มาเป็น “30 บาทรักษาทุกที่” 4. ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ส่วนของการสร้างความยั่งยืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐบาลจะดำเนินการควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประกอบด้วย

1. ให้ความสําคัญกับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ 2. ยกระดับการบริหารจัดการน้ำ  3. สานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)  ขณะที่การพัฒนาการเมือง รัฐบาลจะต้องพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของทั้งคนไทยและต่างชาติ ในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็งมีเสถียรภาพมีนิติธรรมและความโปร่งใส ประกอบด้วย 1. เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น 2. ยึดมั่นในหลักนิติธรรม (Rule of Law) และความโปร่งใส (Transparency)  3. ปฏิรูประบบราชการและกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 4. ยกระดับการบริการภาครัฐให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น ท้ายนี้ รัฐบาลจะแปลงความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอํานาจ ไปสู่ยุทธศาสตร์ที่จะเสริมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยและเกื้อกูลผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมากที่สุด ประกอบด้วย 1. รักษาจุดยืนของการไม่เป็นส่วนหนึ่งของความยัดแย้งระหว่างประเทศไทย (Non-Conflict) 2. เดินหน้าสานต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุก และการสร้าง Soft Power

ในตอนท้ายของการแถลงนโยบายฯ นายกรัฐมนตรีย้ำเจตนารมณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไก ในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้ กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สิน รวมถึงการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย

ยืนยันเดินหน้าต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 

เวลา09.59 น.นางสาวแพทองธาร เผยว่ารัฐบาลเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอให้ความเชื่อมั่นว่านโยบายดังกล่าวจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับเงินดังกล่าว คาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพได้ และยังเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลควบคู่ไปในคราวเดียวกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มว่าการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) รวมทั้งนโยบายต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนและการประกอบอาชีพนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญและคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ จะดำเนินนโยบายการคลัง โดยบริหารค่าใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด

เปิด“10 นโยบายเร่งด่วน”เร่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ 

เวลา 09.19 น.นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายกรัฐมนตรีแถลงต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพ รวมทั้งความมั่นคงและปลอดภัยในสังคม เป็นปัญหาเร่งด่วน ดังนั้น รัฐบาลเร่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ด้วยการแก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาที่กระทบความมั่นคงของสังคม เพื่อนำความหวังของคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด โดยสาระสำคัญของนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ที่จะดำเนินการทันที ดังนี้

นโยบายแรก ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ควบคู่กับการเพิ่มความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออมในรูปแบบใหม่ ๆ

นโยบายที่สอง ดูแล ส่งเสริม ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แก้หนี้ของ SMEs การจัดทำ Matching Fund เพื่อให้กลับมาเป็นกลไกที่แข็งแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นโยบายที่สาม เร่งออกมาตรการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งรัดจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (Mass Transit) และกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในเขตกรุงเทพมหานคร รองรับนโยบาย “ค่าโดยสารราคาเดียว” ตลอดสาย ลดภาระค่าเดินทาง

นโยบายที่สี่ สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี เพื่อนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค

นโยบายที่ห้า เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ควบคู่กับบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนและการประกอบอาชีพ

นโยบายที่หก ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย โดยใช้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และฟื้นนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)

นโยบายที่เจ็ด เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างการตรวจลงตรา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนสนุก สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินลงสู่ผู้ประกอบการในประเทศ

นโยบายที่แปด แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร ตั้งแต่ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน สกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้า รวมทั้งมีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดไม่ให้กลับไปสู่วงจรอีก

นโยบายที่เก้า เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านและสร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์

นโยบายที่สิบ ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ จัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้โดยสะดวก

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนพลิกความท้าทายให้เป็นโอกาสในการพัฒนาประเทศโดยมุ่งที่จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วน พร้อมกับสร้างโอกาส สร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนทุกคน โดยจะต่อยอดการพัฒนาของภาคการผลิตและการบริการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อวางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต พร้อมทั้งวางยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตทั้งอุตสาหกรรมและการเกษตร พลิกฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทยและสากล เพื่อให้ประเทศไทยเป็นความภูมิใจของคนไทยที่นานาประเทศให้การยอมรับและเชื่อถือ

ประกาศเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์แบบไร้รอยต่อ

 

เวลา 09.39 น. นางสาวแพทองธาร เริ่มแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระบุรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์แบบไร้รอยต่อ เสริมสร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี แถลงถึงปัญหาที่กระทบต่อสังคมและสร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล คือ ปัญหายาเสพติดและ ปัญหาอาชญากรรมและอาชญากรรมออนไลน์ว่า “..รัฐบาลจะแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด การค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้าสู้กระบวนการรักษา ตลอดจนการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม รวมทั้งมีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้กลับเข้าสู่วงจรยาเสพติดอีก เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม..”

รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของประชาชน โดยการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือเหยื่อของมิจฉาชีพอย่างทันท่วงที โดยผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านและสร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์

ในการแถลงต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรียังระบุถึงการสร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ว่า รัฐบาลมุ่งเน้นจะเร่งรัดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยการยึดโยงกับประชาชนและหลักการของประชาธิปไตย สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชนสากล เคารพพหุวัฒนธรรม เพื่อเป็นบันไดสู่การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญ รวมถึงการสร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืนด้วย

ทั้งนี้ ในคำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุถึงความมั่นคงความปลอดภัยของสังคมถูกคุมคามจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 พบว่ามีคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 และมีจำนวนผู้ติดยาเสพติดที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นถึง 1.9 ล้านคน นอกจากนี้อาชญากรรมออนไลน์และการพนันออนไลน์ยังเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง โดยมีสถิติการรับแจ้งความกว่า 5 แสนเรื่อง มีมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากกว่า 6 หมื่นล้านบาทด้วย