Health & Beauty

อันตราย!อย่าเผลอก้มยกของหนักผิดท่า เสี่ยงหมอนรองกระดูกปลิ้นไม่รู้ตัว



กรุงเทพฯ-ยกของหนักผิดท่า! เสี่ยงหมอนรองกระดูกปลิ้นไม่รู้ตัว เร่งปรับพฤติกรรมก่อนสายเกินแก้กระดูกสันหลังเปรียบเสมือนแกนหลักของร่างกายที่คอยรับน้ำหนักตัวเรา และค้ำจุนการเคลื่อนไหว โดยปกติกระดูกสันหลังจะเสื่อมตามอายุ แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ยกของหนัก นั่งผิดท่า นั่งนาน ส่งผลให้กระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัยได้

นพ.วิศิษฐ์ แซ่ล้อ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่า ปัจจุบันพบว่า 1 ในสาเหตที่ทำให้มีผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ก็คือการก้มตัวไปหยิบของ หรือก้มแล้วยกของที่หนักในลักษณะท่าทางที่ผิด เพราะในคนที่ทำอยู่ซ้ำๆ เป็นประจำอาจมีความเสี่ยงที่เปลือกหุ้มหมอนรองกระดูกแตกทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาทได้

ขณะที่ท่ายกของหนักที่ถูกต้องให้เปรียบเทียบจากนักยกน้ำหนักในกีฬาที่เราเห็นกันทั่วๆ ไป หลักการของนักยกน้ำหนักที่ถูกต้องคือหลังตรง ใช้การย่อของข้อเข่าและสะโพกลงไป แล้วก็ยกน้ำหนักให้หลังตรง แต่ในทางกลับกันท่าการยกน้ำหนักไม่ใช่ท่าที่เราคุ้นเคยที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เราก็มักจะใช้การก้มหลังลงไป ซึ่งจังหวะนั้นเองที่จะทำให้เกิดแรงดันต่อหมอนรองกระดูกด้านหลัง และในอนาคตอาจส่งผลให้หมอนรองกระดูกที่อยู่ภายในเคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาทได้

อย่างไรก็ตามสามารถเช็กความเสี่ยงจากอาการปวดหลังของตัวเองได้ เช่นกรณีที่ 1 ถ้าก้มและรู้สึกตึงหลัง แต่ยังไม่ร้าวลงขากรณีนี้อาจเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อได้  แต่กรณีที่ 2 หากไปยกของหนักแล้วมีอาการร้าวลงขาอันนี้ใกล้เคียงกับปัญหาที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทที่ไม่เหมือนกับกรณีแรก นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ กรณีนี้ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย

โดยทั่วไป แพทย์มักจะเริ่มต้นด้วยการตรวจ X-ray เพื่อดูโครงสร้างกระดูกสันหลังและตรวจหาความผิดปกติเบื้องต้น เช่น กระดูกแตกหัก หรือกระดูกเสื่อม  อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดหลังของคุณมีอาการปวดร้าวลงขา มีอาการชาหรืออ่อนแรง สงสัยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกเส้นประสาท แพทย์อาจพิจารณาให้ทำ MRI เพิ่มเติม จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจาก X-ray ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูก MRI ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อเยื่อและระบบประสาท  การใช้ข้อมูลจากทั้งสองวิธีร่วมกัน ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงในการอ่านและแปลผล X-ray และ MRI นอกจากนี้ เรายังมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำสูง

การรักษาปัจจุบัน โรงพยาบาลเอส สไปน์ ได้นำเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาโรคกระดูกสันหลัง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการบาดเจ็บหลังการรักษาแล้ว ยังช่วยลดระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาลอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากไม่อยากเดินทางไปถึงจุดที่ต้องผ่าตัด แนะให้ปรับพฤติกรรม เช่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำหนักตัว ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะชะลอความเสื่อมได้ และควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรก้มยกในท่าที่ถูกต้อง