Think In Truth

ศูนย์กลางวัฒนธรรมศิวิไลซ์โลกกำลัง เปลี่ยนค่านิยมใหม่  โดย: ฟอนต์ สีดำ



หลังจากการเริ่มยุคโลกาภิวัฒน์ หรือ Globalization ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นการไหลบ่าค่านิยมเชิงบริโภค หรือสังคมสุขนิยมที่เน้นการบริโภค ซึ่งประเทศที่มีผลผลิตมวลรวมมากก็จะได้เปรียบ ดังนั้นประเทศที่พัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ก็จะได้เปรียบในทางการค้า ในยุคของความพยายามใช้ความเป็นโลกาภิวัตร์ในความได้เปรียบทางการผลิตและทางการค้าด้วยคำว่าการค้าเสรี สินค้าอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อยุคโลกาภิวัตร์มาก คือ โทรศัพท์มือถือ ที่ใช้เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารถึงกันและกันของคนทั้งโลก ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการเดินทางไปมาหาสู่กันของคนทั้งโลก

จากสังคมไร้พรหมแดน ที่ทำให้ช่วงหนึ่งประเทศไทยรู้สึกกังวลต่อการไหลบ่าทางวัฒนธรรมาจากภายนอกเข้ามามีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของเยาวชนคนไทย จนวงดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดังได้ออกอลบัมพ์เพลง “หลงวัฒน์” ด้วยความกังวลว่าสังคมไทยจะถูกครอบงำจากสังคมไร้พรหมแดน

สังคมไทยจากคนยุค 90 ที่กังวลต่อผลกระทบทางวัฒนธรรมของสังคม ได้ทำกิจกรรมในการส่งเสริมศิลปวัมนธรรมและกิจกรรมต่อต้านความเป็นโลกาภิวัตร์ แต่ก็ยังคงไม่สามารถหยุดโลกไร้พรหมแดนที่นำวัฒนธรรมจากภายนอกถาโถมเข้าสู่สังคมไทย ไม่ว่าการสื่อทางวัฒนธรรมฮอลิวู้ด วัฒนธรรมกิมจิ วัฒนธรรมญี่ปุ่น วัฒนธรรมยุโรป แต่การไหลบ่าของวัฒนธรรมภายนอก เข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยเพียงแค่ชั่ววูบ เสมือนกับไฟไหม้ฟาง ที่ไม่สามารถลากจูงความคิด ความเชื่อ และความหลงไหลให้กับคนไทยได้มากนัก เสมือนเพียงว่าคนไทยขอได้ลิ้มลองวัฒนธรรมที่เป็นของแปลกสำหรับคนไทยเท่านั้น พอได้ลองจนเต็มอิ่มแล้วก็กลับมายืนบนพื้นฐานทางวัฒนธรรมไทยเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่ชี้ชัดไดเลยว่า ความเข้มแข็งทางด้านวัฒนธรรมของไทย มีความเข้มแข็งมาก ไม่มีวัฒนธรรมไดที่จะล้มค่านิยมของวัฒนธรรมไทยให้ออกจากความเป็นคนไทยได้เลย

ในทางกลับกันกับการเคลื่อนตัวทางสังคมโลกตามยุคโลกไร้พรหมแดนกลับพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ใช้ชีวิตเข้าใกล้กับวัฒนธรรมไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าคนที่เดินทางทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็ท่องเที่ยวในความเป็นไทย ลิ้มรสอาหารไทย สัมผัสความอบอุ่นจากการต้อนรับแบบไทยๆ และรู้สึกภาคภูมิใจในการได้อยู่ในสังคมและวัฒนธรรมแบบไทยๆ ได้แต่งชุดไทย ถ่ายรูปกับโบราณสถานของไทย ได้พูดภาษาไทย ซึ่งกลายเป็นค่านิยมที่สังคมโลกกลับหลั่งไหลกันเข้ามาชุบตัวกับความเป็นวัฒนธรรมไทย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สิ่งหนึ่งที่ชี้ชัดว่าวัฒนธรรมไทยมีความเข้มแข็ง ที่ยากจะมีวัฒนธรรมชาติได้แทรกตัวเข้ามาแทนวัฒนธรรมไทยในตัวตนที่เป็นคนไทยได้เลย นั่นคือวัฒนธรรมไทยในเมียฝรั่ง

ปัจจุบันเมียฝรั่งเป็นเครื่องยืนยันได้ชัดว่า เป็นนักรบทางวัฒนธรรมที่เป็นแนวหน้าในการต่อสู้ทางวัฒนธรรมโลกที่สำคัญมาก กลุ่มคนที่ย้ายตัวเองไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ต่างวัฒนธรรมในกลุ่มแรกๆ นอกจากกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนไม่มากนัก ก็มีกลุ่มเมียฝรั่ง ที่มีจำนวนมาก ที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมของโลก ซึ่งเมียฝรั่งจะใช้เวลาในการเรียนรู้วัฒนธรรมฝรั่งและปรับตัวเองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลักจากที่มีการใช้ชีวิตที่ลงตัวแล้ว กลุ่มเมียฝรั่งก็เริ่มที่จะสร้างผลงานทางด้านวัฒนไทยให้เกิดความพึงพอใจต่อสังคมรอบข้าง โดยเฉพาะการทำอาหารไทย เพื่อให้คนรอบข้างได้ทาน เพื่อแสดงความมีน้ำใจ ซึ่งความประทับใจที่มีต่อรสชาดของอาหารไทยของชาวต่างชาติ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างตัวในสังคมต่างวัฒนธรรม ที่มีจุดเริ่มต้นในการสร้างการยอมรับแบบเงียบๆ ในสังคมต่างวัฒนธรรม ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่มีต่อการสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อวัฒนธรรมไทยของสังคมโลก

ซึ่งในขณะเดียวกันกับเมียฝรั่งที่เขยฝรั่งมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย กลับปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่สามารถนำเอาวัฒนต่างชาติที่เป็นวัฒนธรรมบ้านเกิด เข้ามามีอิทธิพลเหนือกว่าวัฒนธรรมไทยได้เลย

ข้อมูลจริงและเหตุผลจากข้อมูลที่ได้พบเห็นกันอยู่ทั่วโลก ก็สามารถระบุได้ว่า วัฒนธรรมไทยไทยนั้นเป็นวัฒนธรรมที่มีความเหมาะสมกับคนทั้งโลก และเป็นวัฒนธรรมที่สร้างสังคมโลกก้าวสู่สังคมแห่งความสุข ที่มีความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หรือจะสรุปแบบไม่ต้องเกรงใจคนทั้งโลกเลยก็ได้ว่า วัฒนธรรมไทย เป็น วัฒนธรรมแห่งความศิวิไลซ์

ความศิวิไลซ์ หรือ อารยธรรม เป็นคำที่ใช้เรียกถึงระดับความเจริญก้าวหน้าของสังคมหนึ่งๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการดำเนินชีวิต วิถีวัฒนธรรม สังคม และองค์ความรู้ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมา

องค์ประกอบสำคัญของความศิวิไลซ์

โดยทั่วไปแล้ว ความศิวิไลซ์จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังนี้

  • ระบบการปกครอง: มีรูปแบบการปกครองที่เป็นระบบ มีกฎหมายและระเบียบสังคมที่ชัดเจน
  • เศรษฐกิจ: มีระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายและซับซ้อน มีการผลิตและแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
  • สังคม: มีโครงสร้างทางสังคมที่ซับซ้อน มีการแบ่งชั้นทางสังคม และมีสถาบันทางสังคมที่หลากหลาย เช่น ครอบครัว ศาสนา การศึกษา
  • วัฒนธรรม: มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม และประเพณีที่หลากหลาย
  • เทคโนโลยี: มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต

ความหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ความหมายของความศิวิไลซ์นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและบริบททางสังคม เช่น ในอดีต ความศิวิไลซ์อาจถูกมองว่าเป็นความเจริญทางวัตนธรรมและศิลปกรรม แต่ในปัจจุบัน ความศิวิไลซ์อาจถูกมองว่าเป็นความเจริญทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
ความเข้าใจที่หลากหลาย

ความเข้าใจเกี่ยวกับความศิวิไลซ์นั้นมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับมุมมองและวัฒนธรรมของแต่ละบุคคลและกลุ่มคน บางคนอาจมองว่าความศิวิไลซ์คือการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่บางคนอาจมองว่าความศิวิไลซ์คือการพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวหน้า

สรุป ความศิวิไลซ์เป็นแนวคิดที่กว้างและซับซ้อน ไม่สามารถนิยามได้ด้วยคำจำกัดความเดียว แต่โดยทั่วไปแล้ว หมายถึงระดับความเจริญก้าวหน้าของสังคมหนึ่งๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการดำเนินชีวิต วิถีวัฒนธรรม และองค์ความรู้ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมา

ปรากฏการณ์ Culture Chock ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว และประกาศการเป็นครัวแห่งโลก ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวไทยเกิดขึ้นตามมา คนทั้งโลกแห่แหนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและมาใช้ชีวิตในประเทศไทยแบบยาวๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ประกอบอาชีพอิสระอย่างกลุ่ม ดิจิตอลนอแมด ที่ได้ปักหลักท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในประเทศไทยเป็นเวลายาวนาน งานหนึ่งที่เป็นผลต่อการตื่นตัวการท่องเที่ยวไทย คือการเป็นฟลูเอ็นเซอร์ของกลุ่มดิจิตอลนอแมดกลุ่มนี้ ที่ได้สื่อสารเรื่องราวของประเทศไทยในมุมต่างๆ ให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สื่อต่างประเทศมักสื่อให้คนทั้งโลกได้รับรู้เรื่องราวประเทศไทยในอีกมุมหนึ่ง ที่แตกต่างจากกลุ่มดิจิตอลนอแมดที่เขาได้นำเสนอออกไป ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกอยากมารับรู้เรื่องจริงของเมืองไทยของคนทั้งโลกมากขึ้น เพราะสิ่งที่เขารับรู้มาทั้งชีวิต คือประเทศไทยเป็นประเทศโลกที่สาม ที่มีความยากจน ไม่มีการพัฒนา และอันตรายเป็นอย่างมาก

เมื่อนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสความจริงในประเทศไทยด้วยตัวของเขาเอง มันทำให้เกิดความประหลาดใจที่มันไม่เหมือนกับสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกพยายามสื่อสารให้คนทั้งโลกว่าประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนา และอันตราย เมื่อเขาเหล่านั้นได้มาสัมผัสเมืองไทยด้วยตัวของเขาเอง ใช้ชีวิตร่วมอยู่กับสังคมไทย เพียงไม่กี่วัน เขาก็จะเกิดอาการ Culture Chock ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสเมืองไทย ที่พบว่าเมืองไทยมีทุกอย่างที่ประเทศพัฒนาแล้วมี และมีหลายอย่างที่ประเทศพัฒนาแล้วไม่มี ที่สำคัญคือเขาพบว่า คนไทยเป็นมิตร เป็นบ้านเมืองที่มีความอบอุ่น ปลอดภัย ให้ความช่วยเหลือ มีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ให้กับคนทุกคน ไม่ว่าคนต่างชาติหรือคนในประเทศด้วยกันเอง ประเทศไทยเป็นประเทศที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ร่วมกับบ้านเมืองที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว ถึงจะมีรถติดมากมาย แต่ก็มีเสียงบีบแตรให้เกิดมลภาวะทางเสียงเลย ผู้คนมีน้ำใจ ข้าวของที่หายไป มักจะได้คืนกลับมา เป็นสังคมที่ไม่เอาเปรียบ ที่ให้ความเสมอภาคกับคนทุกคนไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนไทยด้วยกันเอง เป็นเมืองที่ไม่มีเวลาหลับเวลานอน เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวิอยู่ตลอดเวลา หิวเมื่อไหร่ก็มีกินเมื่อนั้น เป็นเมืองที่เหนือจินตนาการของชาวต่างชาติที่คาดไม่ถึง

ภาวะแห่งการเกิด Culture Chock ที่ชาวต่างชาติได้เข้ามาสัมผัสประเทศไทย มันทำให้เกิดการเรียนรู้และเลียนแบบทางวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และมีการต่อต้านวัฒนธรรมไทยของคนต่างชาติน้อยมาก สิ่งที่เราจะพบการเลียนแบบหรือจะเรียกว่าวัฒนธรรมไทยได้กลืนชาติของชนต่างชาติก็ว่าได้ เช่น การเลียนแบบสำเนียงพูด การปรับแต่งภาษาเขียนและภาษาพูดที่ยกระดับคำสัพท์ไทยบางคำให้เป็นภาษาสากล การเชื่อโชคลาง การใช้ช้อนแทนการใช้มีด การแลกเปลี่ยนเงินตราและการแปลงสกุลเงินต่างๆ การใช้สายฉีดก้นวัฒนธรรมการฉีดก้นได้ลามไปจนถึงเป็นมาตรฐานของห้องน้ำในต่างประเทศ การใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” เพื่อให้เหตุการณ์ที่อยู่ต่อหน้ามันผ่านไปหรือทำให้เขาใจเย็นลง การลดความกังวลเรื่องอาหาร หรือการกินลดลงในแต่ละมื้อ การเปลี่ยนคำทักทายจาก Hi , What up , Hello มาเป็น “หิวหรือยัง” หรือ “กินข้าวหรือยัง” เปลี่ยนจากการทำตัวลึกลับมาเป็นคนชอบถ่ายรูปเซลฟี่ตนเองให้คนรับรู้ มีการวางแผนเพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลต่างๆ ทั้งปี ถอดรองเท้าและล้างเท้าก่อนเข้าบ้านหรือขึ้นไปที่สถานที่สำคัญ เปลี่ยนจากดื่มเบียร์เปล่าวๆ มาเป็นใส่น้ำแข็งลงไปในเบียร์ และอื่นๆ ที่ชาวต่างชาติพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองเพราะพบว่า วัฒนธรรมเหล่านี้ เป็นวัฒนธรรมที่ดี เป็นประโยชน์เมื่อได้ปฏิบัติ และรู้สึกอบอุ่นใจ เมื่อได้ทำทุกครั้ง

วัฒนธรรมแห่งความศิวิไลซ์ ที่แพร่กระจายจากคนไทย สังคมไทย ที่กำลังกล่อมเกลาให้คนทั้งโลกได้ร่วมกันปฏิบัติ เป็นสัญญาณแห่งการก้าวสู่ยุคศิวิไลซ์ของโลกกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากเหตุและปัจจัย ที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักแห่งพระพุทธศาสนา คืออิทัปัจจัยตา และปฏิจสมุปบาท หากเราพยายามให้คนทั้งโลกได้สัมผัสสิ่งที่ดีกว่า เราไม่ต้องบอก ไม่ต้องบังคับ สังคมทั้งโลกจะปฏิบัติตาม เพราะมีความเชื่อว่าสิ่งนั้นดีกว่าทุกอย่าง ถ้าหากเราจะวิเคราะห์ถึงบทสวดสังฆานุสติ และเปรียบเทียบคนไทยคือพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติกิจตามวัฒนธรรมไทยแล้ว ชาวต่างชาติเข้ามาสัมผัสแล้วเกิดความรู้สึกที่ดีกว่า นั่นคือ สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว นั่นในสมมติฐานนี้คือ คนไทย ที่ร่วมกันปฏิบัติต่อวัฒนธรรมไทยที่ดี ต่อผู้มาเยือนดีแล้ว ก็จะนำพาให้ผู้มาเยือนนั้น อาหุเนยโย เป็นสงฆ์ควรแก่การสักการะที่เขานำมาบูชา ปาหุเนยโย เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ ทักขเณยโย เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน อัญชะลีกะระณีโย เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ เป็นเนื้อนาบุญของโลก ที่ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า

เราคนไทยที่ยังคงดำเนินชีวิตภายใต้วัฒนธรรมไทย ที่คัดกรองความรู้สึก นึกคิด สำนึกรับผิดชอบ ต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมของคนในสังคมไทยร่วมกัน เป็นเสมือนกับเนื้อนาบุญที่เป็นสื่อทางวัฒนธรรมแห่งความศิวิไลซ์ ออกไปสู่สังคมโลก เพื่อให้โลกทั้งใบนี้ก้าวสู่สังคมแห่งความศิวิไลซ์ อีกไม่นานนี้ โลกก็จะเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากระบบทุนนิยม ไปสู่สังคมเศรษฐกิจสมดุลและเสถียร ภายใต้ระบบการเงินQuantum Financial System ที่มีวัฒนธรรมไทยเป็นทุนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงโลกสู่ยุคสังคมศิวิไลซ์ เราคนไทย ควรใช้โอกาสนี้ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงโลก ที่จะนำพาโลกไปสู่สังคมยุคศิวิไลซ์ ต่อไป