Health & Beauty

หนุนบทความ‘ศ.ดร.ประกิต วาทีวาธกกิจ’  ‘ขอความกรุณาอย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อ’



กรุงเทพฯ-หนุนบทความประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและขอความร่วมมือเหล่าเซเลป-คนดัง อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อ อาจจะเกิดการเลียนแบบจากเด็ก-เยาวชน

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ได้เขียนกล่าวถึงลิงค์ วีดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนาพร้อมเขียนว่า “มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ” จึงเห็นว่า บทความนี้ดีมีประโยชน์ต่อสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจึงอยากนำมาเสนอเพื่อเตือนสติและขอความร่วมมือ ผู้มีที่มีอิทธิพลทางสังคมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเซเลป ดาราหรือคนดังในแวดวงต่างๆตลอดจนรายการทางสื่อหลักและสื่อออนไลน์ อยากให้มาช่วยกันจรรโลงสังคม โดยเฉพาะการไม่สูบบุหรีไฟฟ้าออกสื่อฯซึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อ เยาวชนและอาจจะทำให้เด็กและเยาวชนเลียนแบบได้ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

“ขอความกรุณา อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อเลยนะครับ”

มีสื่อมวลชนอาวุโสท่านหนึ่ง ส่งลิงก์วิดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนา พร้อมเขียนว่า“มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ”

ที่ผมเขียนนี่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเตือนท่านที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อนะครับ เพราะคนที่ทำอาจจะไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสื่อมวลชนอาวุโสที่ส่งลิงก์มาจึงมีความ “กังวล” ที่เห็นภาพคนที่มีชื่อเสียงสูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ

ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังระบาด เข้าไปในเด็กนักเรียนเล็กลงไปถึงชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ และฝ่ายต่างๆพยายามช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ให้เด็กๆเข้าไปริลองจนเกิดการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

มีการเรียกร้องให้ผู้ปกครอง ครู คนที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งฐานะในสังคม ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีที่ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ท่านที่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ก็ขอความกรุณาไม่สูบในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในที่ที่มีเด็กๆอยู่ด้วย

ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน ก็มีการรณรงค์ เรียกร้องให้แพทย์ที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ขออย่าสูบให้คนเห็น “หมอหนึ่งคนที่สูบบุหรี่ มีค่าเท่ากับบิลบอร์ดโฆษณาบุหรี่ขนาดใหญ่” คำกล่าวของเซอร์ จอห์น ครอฟตัน ศาสตราจารย์โรคระบบทางเดินหายใจ สก็อตแลนด์มีหลักฐานว่าบริษัทบุหรี่ จ่ายเงินให้พระเอก นางเอกหนังฮอลลีวู้ด สูบบุหรี่ระหว่างออกงานสังคม ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ ในหนังที่แสดง ด้วยค่าจ้างคิดเป็นเงิน 105.6 ล้านบาทตามค่าเงินในปีพ.ศ.2542

บริษัทบุหรี่ใช้ศิลปินดาราเป็น“สื่อบุคคล” ในการโฆษณาส่งเสริมให้คนสูบบุหรี่ นักวิชาการบางคนมีความเห็นว่า โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่เป็น“โรคติดต่อทางสังคม” (ที่แตกต่างจากโรคติดต่อจากเชื้อโรค) จากการโฆษณาส่งเสริมการขายโดยบริษัทบุหรี่ ผ่านช่องทางและรูปแบบต่างๆ และ“สื่อบุคคล” 

การสูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเปิดเผย จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมีอิทธิพลสูงมาก ในการนำไปสู่การเกิดนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่เด็กๆเริ่มสูบตามแบบอย่างผู้ใหญ่

ต้องขอบคุณคุณกร ทัพพะรังสี ที่คณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้มีการออกกฏกระทรวง ห้ามการแสดงที่มีการใช้ยาสูบ(ฉากสูบบุหรี่) ในวิทยุ-โทรทัศน์ เมื่อพ.ศ.2545

ดังนั้น การสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้ปรากฏในสื่อ ขณะออกสื่อสาธารณะ จึงเป็นเรื่องที่กฏหมายห้ามทำ สมควรที่จะหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เป็นการสนับสนุน“ค่านิยมการสูบบุหรี่ไฟฟ้า“ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดนักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ ที่เสพติดไปตลอดชีวิต

โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งยังเป็นสินค้าที่ผิดกฏหมาย ถ้าเป็นในสิงค์โปร์ เขาจะเอาผิดคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า “คุณซื้อมาจากไหน” เพื่อสาวต่อไปจับคนที่ขาย

อย่างที่ผมพูดแล้ว คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในลิงก์ที่ส่งมา อาจจะไม่รู้ถึงผลเสียที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ และเมื่อรู้แล้ว ก็คงจะไม่ทำอีกนะครับ

ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้แก่สังคม ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ในที่สาธารณะ รวมทั้งสูบให้เห็นในสื่อ

ดีที่สุดก็คือไม่สูบอะไรเลย ตามธรรมชาติที่“เป็นปกติ” ของสิ่งมีชีวิต ที่ปอดมีไว้สำหรับหายใจเท่านั้น ขอยำ้ ”เท่านั้น“ อะไรที่ผิดจากนี้ เป็นเรื่อง“ผิดปกติ-ฝืนธรรมชาติ” ไม่ดีต่อสุขภาพ ครับ