In News
สาว64ประกาศขายไตอุ้ม7ชีวิตพ้นโควิด
นครปฐม-สาวใหญ่ ประกาศหากใครต้องการใช้ไต พร้อมขายแลกเงินเอามาประทังชีวิตให้ลูกหลาน 7 คนในครอบครัวพยุงลมหายใจต่อไปหลังหมดงานและเงินจากพิษวิกฤตไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เผยไม่รู้ผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าผิดก็จำใจยอมถ้ามีคนจะซื้อไปใช้และทำให้ชีวิตทุกคน โดยทุกวันนี้อาศัยเก็บข้าวสารแต่เนื้อสัตว์ ให้สัปเหร่อวัดเก็บจากงานศพมาแบ่งให้กินไปวันๆ
วันนี้ 10 มิถุนายน 64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีประชาชน ได้มีการชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติโควิด-19 โดยรายไม่เพียงพอกับคนในครอบครับ ซึ่งมีการประกาศพร้อมไต เพื่อนำเงินมาพยุงชีพให้กับ คนทั้ง 7 ชีวิตในครอบครัว โดยตอนนี้เหลือเพียงข้าวสารและอาหารที่มีคนหาแบ่งปันมาให้ ประทังชีวิตไปวันต่อวัน
ผู้สื่อข่าวได้มาพบกับ นางสาวธนพร เกิดแป๋ อายุ 64 ปี หรือป้าต๋อย อยู่บ้านเลขที่ 93/1 ม.3 ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยพบว่าอาศัยอยู่ในบ้านปูนชั้นเดียว ฝั่งตรงข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยพบป้าต๋อยกำลังนั่งเครียดอยู่ในบ้าน ซึ่งปิดประตูมิดชิด
ปัญหาที่จะหารายได้เข้ามาซื้อข้าวกินเป็นรายวัน โดยคนในบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ประกอบด้วยตนเอง ลูกสาวคนโต กับลูกชาย 1 คน ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน 2 คน ซึ่งที่ผ่านมาลูกๆและตนเองก็มีงานทำทั้งหมด โดยตนเองนั้นเคยทำงานก่อสร้างและรับล้างจานที่โต๊ะจีนแห่งหนึ่ง ส่วนลูกชายก็ทำงานที่เดียวกันที่โต๊ะจีน โดยเขาก็มีรายได้สัปดาห์ละ 2 พันกว่าบาท ส่วนลูกสาวทำงานโรงงานลูกชิ้น และเลี้ยงดูชายของตัวเอง
ป้าต๋อย เล่าอีกว่า ครอบครัวตนเองนั้นลำบากมาตั้งแต่ช่วงที่ ไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มระบาดครั้งแรก ทำให้โต๊ะจีนไม่สามารถออกงานได้ ซึ่งตนเองยังมาล้มจักรยานยนต์ล้ม ทำให้ต้องผ่าขาและแขนคด ทำงานหนักไม่ได้ ซึ่งรายได้ของตนเองและลูกชายก็หายไปเลย ซึ่งก็พยายามหางานแต่ก็ไม่มีใครรับเพราะเรียนมาน้อย จะขี่รถพวกส่งอาหารก็ยังไม่มี่ใบขับขี่ และรถจักรยานยนต์ที่มี ก็ได้เข้าไฟแนนท์ ขาดส่งมาแล้ว 2 เดือน โดยลูกสาวคนโต ที่งานดรงงานลูกชิ้นก็ถูกตัดเวลาทำงาน เหลือรายได้เพียงวันละ 200 กว่าบาทลำพังเลี้ยงดูตัวเองกับลูกก็ไม่พอ
ป้าต๋อย เล่าต่อว่า ช่วงหลังลูกชายก็จะออกไปยิงปลาช่อน ปลานิล มาเก็บรวมไว้ทำอาหารที่เหลือจะทำห่อหมกออกขายได้บ้าง แต่ช่วงก็มาป่วยไปไหนไม่ได้ ซึ่งลูกสะใภ้ก็ต้องออกไปหาเงิน เพื่อจะมากินใช้เพราะตอนนี้ได้กูนอกระบบกับพวกหัวปิงปอง เป็นหนี้ 6 พันกว่าบาท ต้องส่งวันละ 300-400 บาท ใช้วิธีกู้สลับไปมาก ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นเยอะ รวมถึงไปกู้ออมสินมา 10,000 บาทก่อนหน้า โดยเอารถจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนท์ ไว้อีก 20,000 บาท แถมค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ก็ถูกออกใบเตือนจะตัดหมดแล้ว เงินที่กู้มาก่อนหน้าก็เอาไปจ่ายค่าเทอม ชุดนักเรียนของเด็กๆ เหลือเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ก็เอาซื้อข้าวมากักตุนไว้แล้ว เพื่อให้พอมีข้าวกินกันทุกคน แต่ไม่ครบทุกมื้อ
“ มีคนบอกว่า ถ้าหมดทางแล้วเขามีคนประกาศรับซื้อไต ซึ่งป้าก็ได้สอบถามลูกๆแล้วว่าจะขอขายเอาเงินมาช่วยประทังชีวิตพวกเราทุกคน แต่ลูกๆก็มาถามว่าคิดดีแล้วหรือยัง ฉันก็บอกว่าคิดดีแล้ว ซึ่งอยากจะบอกว่าถ้าเขารับซื้อไต ได้จริงป้าก็อยากจะขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย ใครที่ต้องการป้าก็อยากจะขายจริงๆ สุขภาพป้าแขนขาไม่ดี แต่ไตยังดี ถ้ามันขายได้ก็อยากจะขาย ถามว่ารู้หรือไม่ว่าผิดกฎหมาย ป้าก็ไม่รู้แต่ถ้าผิดป้าก็ยังคิดอยากจะขาย ถ้าต้องพิการหรือเป็นอะไรไปก็ค่อยมาว่ากันอีกครั้งหนึ่ง” ป้าต๋อย เล่าถึงความต้องการที่จะหารายได้ในช่วงนี้
ขณะเดียวกันได้มีเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน ได้วนเวียนกันเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจกัน ซึ่งทุกคนบอกว่าลำบากเหมือนกันแต่ยังพอมีรายได้บ้าง ซึ่งได้มี่การวนเวียนเอาผัก ผลไม้ที่จะพอหาได้เอามาช่วยให้ประทังชีวิตไปในช่วงนี้ ซึ่งป้าต๋อย บอกว่า ที่บ้านแม่เพียงข้าวสารส่วนเนื้อสัตว์ก็จะได้จากการไปหาปลาของลูกชาย และอีกส่วนคือสัปเหร่อของวัดใหม่ปิ่นเกลียว ซึ่งเป็นวัดที่ให้เช่าอาศัยที่ดินอยู่ ได้นำหมู เป็ด ไก่ มาให้จากการที่มี่ครอบครัวคนตายเอามาไหว้เคารพศพของผู้ที่มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด ซึ่งจะมาเรื่อย ๆ แต่ไม่บ่อยมาก ที่เหลือจะทอดไข่กินกันไปก่อน
ป้าต่อย เล่าว่า จริงๆ แล้วไม่รู้จะไปหาหน่วยงานรัฐที่ไหนให้มาช่วยเหลือเพราะไม่รู้จักใคร และคนในบ้านก็เล่นโทรศัพท์ไม่เป็น เคยได้สิทธิโครงการเราชนะมาครั้งหนึ่งแต่ตอนหลังโทรศัพท์เสียลูกๆเขาก็ไม่รู้เรื่องว่าจะเข้าโครงการอะไรต่อไปอีก ตอนนี้ความหวังเดียวคือหากใครต้องการไต ตนเองก็พร้อมจะขายให้เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินรอบด้านและให้ลูกหลานมีการใช้ชีวิตดำเนินไปได้ก่อน โดยเคยมีเงินเก็บ 7 หมื่นบาท แต่ในระยะ 2 ปีนี้ได้ถูกนำมาใช้จ่าย พร้อมกับขายข้าวของออกไปหมดแล้วเหลือเพียงรถจักรยานยนต์ ที่อาจจะถูกยึดไปอีกไม่นานนี้ด้วย