Think In Truth

'บริสุทธิเมตตาบารมี' คุณลักษณะของคน แห่งความสัมพันธ์ที่ดี โดย: ฟอนต์ สีดำ



พระบริสุทธิคุณ หมายถึง ความบริสุทธิ์อันสูงส่งของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้พระองค์แตกต่างและเป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธทั่วโลก ความบริสุทธิ์นี้ไม่ใช่เพียงความบริสุทธิ์ทางกายภาพ แต่หมายถึงความบริสุทธิ์ทางจิตใจ ความบริสุทธิ์จากกิเลส ตัณหา และอุปาทานทั้งปวง

พระบริสุทธิคุณ แบ่งออกได้เป็นหลายประการ เช่น:

  • พระวิสุทธิคุณ: ความบริสุทธิ์จากกิเลสทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นผู้หลุดพ้นจากวงจรแห่งความเกิดแก่เจ็บตาย
  • พระปริสุทธิคุณ: ความบริสุทธิ์จากมลทินทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นมลทินทางกาย วาจา หรือใจ
  • พระสุทธิคุณ: ความบริสุทธิ์จากความสงสัย พระองค์ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไม่ได้อาศัยความเชื่อ หรือคำบอกเล่าของผู้อื่น
  • พระอริยมรรคคุณ: ความบริสุทธิ์จากการปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด ซึ่งเป็นหนทางที่นำไปสู่การดับทุกข์

เหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์

  • การตรัสรู้: พระองค์ทรงค้นพบสัจธรรมด้วยพระองค์เอง โดยการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
  • การละวาง: พระองค์ทรงละวางกิเลส ตัณหา และอุปาทานได้อย่างสิ้นเชิง
  • การเป็นผู้รู้แจ้ง: พระองค์ทรงรู้แจ้งในสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้ และสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการดับทุกข์
  • การเป็นผู้มีเมตตา: พระองค์ทรงมีเมตตาต่อสรรพสัตว์อย่างเท่าเทียมกัน

ความสำคัญของพระบริสุทธิคุณ

  • เป็นแบบอย่าง: พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างให้เราปฏิบัติตาม เพื่อให้บรรลุถึงความหลุดพ้นจากทุกข์
  • เป็นแรงบันดาลใจ: พระบริสุทธิคุณเป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งใจปฏิบัติธรรม และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
  • เป็นที่พึ่ง: เมื่อเราประสบปัญหา เราสามารถระลึกถึงพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เกิดกำลังใจและความเข้มแข็ง

การปฏิบัติตามพระบริสุทธิคุณ

  • ศึกษาพระธรรมคำสอน: ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อเข้าใจหลักธรรมคำสอนอย่างถูกต้อง
  • ปฏิบัติธรรม: ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาจิตใจให้บริสุทธิ์
  • ดำเนินชีวิตตามหลักธรรม: นำหลักธรรมคำสอนไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าเป็นคุณสมบัติที่สูงส่งและเป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธทั่วโลก การศึกษาและปฏิบัติตามพระบริสุทธิคุณ จะนำไปสู่ความสุขและความสงบภายในใจ

ในบทสวดพระคาถาชัยมงคลคาถา บทที่ว่า “นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตั้ง ทาวัคคิจักกะมะสะนี้วะ สุทารุณันตั้ง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิต๎วา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะ ลานิ" นั่นหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บอกถึงให้สาธุชนทั้งหมายพึงปฏิบัติเมตตาบารมีด้วยความบริสุทธิ์

เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจในการสร้างบารมีในประเด็นนี้จึงอยากให้ท่านผู้อ่านได้ฟังเรื่องราวของช้างตกมันนาราคีรี ที่จะเข้าไปทำร้ายพระพุทธเจ้า และพระสัมณโคดมก็ปราบด้วยพระเมตตาอันบริสุทธิ เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์ยอดตามลิงค์

https://www.youtube.com/watch?v=LhC09eTl3Gg

การพัฒนาคนให้มีบริสุทธิบารมีตามแนวพระพุทธเจ้า เป็นการพัฒนาจิตใจให้บริสุทธิ์ หมายถึง การขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน และความเห็นผิดต่างๆ เพื่อให้บรรลุถึงความหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

แนวทางในการพัฒนาบริสุทธิบารมี มีหลายวิธี ดังนี้

  • การศึกษาพระธรรมคำสอน: การศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของความทุกข์ เหตุแห่งความทุกข์ และหนทางดับทุกข์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาจิตใจ
  • การรักษาศีล: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8 เป็นการฝึกฝนตนเองให้ละเว้นจากการกระทำที่ไม่ดี เช่น การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การพูดปด และการดื่มสุรา ซึ่งเป็นการเริ่มต้นในการทำความสะอาดจิตใจ
  • การให้ทาน: การให้ทาน ไม่ว่าจะเป็นทานทางกาย วาจา หรือใจ เป็นการฝึกใจให้เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และลดความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาจิตใจ
  • การเจริญภาวนา: การเจริญภาวนาเป็นการฝึกจิตให้สงบ สมาธิ และปัญญา การฝึกสมาธิจะช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ส่วนการฝึกปัญญาจะช่วยให้เกิดความเข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างๆ อย่างแจ่มแจ้ง
  • การมีสติอยู่กับปัจจุบัน: การฝึกให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน จะช่วยให้เราไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลกับอนาคต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความทุกข์ใจ

หลักการสำคัญในการพัฒนาบริสุทธิบารมี

  • ความเพียร: การพัฒนาจิตใจต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
  • ความอดทน: การเผชิญหน้ากับความทุกข์และอุปสรรคต่างๆ ด้วยความอดทน จะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้น
  • ความไม่ประมาท: การระวังตนไม่ให้ประมาทในทุกขณะ จะช่วยให้เราป้องกันไม่ให้กิเลสเข้ามาครอบงำ
  • การมีสติ: การมีสติอยู่กับปัจจุบัน จะช่วยให้เราควบคุมจิตใจและพฤติกรรมของตนเองได้

ผลของการพัฒนาบริสุทธิบารมี

  • ความสุขภายใน: เมื่อจิตใจบริสุทธิ์ เราจะรู้สึกมีความสุขสงบภายในใจ
  • ความสัมพันธ์ที่ดี: ความบริสุทธิ์ใจจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
  • ปัญญาที่เพิ่มพูน: การฝึกปัญญาจะทำให้เรามีความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง
  • ความหลุดพ้นจากทุกข์: ในที่สุด เมื่อเราพัฒนาจิตใจได้ถึงขั้นสูงสุด เราจะสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้

การพัฒนาบริสุทธิบารมีเป็นการเดินทางที่ยาวนานและต้องอาศัยความพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความสุขที่แท้จริงและความหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา

ในบทที่สองของพระคาถาชัยมงคลคาถา มีบทสวดดังนี้ นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ” มีเรื่องว่าเมื่อพระเทวทัตทรยศต่อพระพุทธเจ้า ได้จัดการให้คนปล่อยช้างสาร ที่กำลังตกมันชื่อนาฬาคีรี เป็นช้างเมามัน โหดร้ายเหมือนไฟไหม้ป่า มีกำลังเหมือนจักราวุธ เพื่อมาทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เมื่อช้างมาถึง ด้วยพระเมตตาอันมีความบริสุทธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทำให้ช้างนาฬาคีรี ได้สติและทำความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ชนชั้นนำที่มีความเมตตาอันบริสุทธิ เป็นบารมีที่สามารถนำคนในสังคมให้เกิดความสงบสุข ในสังคมแห่งยุคศิวิไลซ์ จำเป็นต้องพึ่งพาชนชั้นนำในการเป็นแบบอย่างให้คนในสังคมศิวิไลซ์ ในการนำสังคมด้วยความเมตตาอันบริสุทธิ์ ซึ่งจะลดความรุนแรงในสังคมได้ สังคมโลกจะรักษาความเป็นโลกศิวิไลซ์ สงบ สันติสุขอย่างยั่งยืน