In News

'สุริยะ'กำชับทางหลวงดูแลความพร้อมรับ ช่วงสงกรานต์/ทช.แนะนำเส้นทางรอง



กรุงเทพฯ-“สุริยะ” ห่วงใยประชาชน กำชับทางหลวงดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงสงกรานต์ 68 “อธิบดีทางหลวง” รับลูกสั่งหน่วยงานในพื้นที่ดูแลถนนให้พร้อมใช้งาน - คืนผิวจราจรทุกโครงการ ขณะที่กรมทางหลวงชนบท ชวนใช้ถนนสายรอง เลี่ยงถนนสายหลัก บรรเทาปริมาณการจราจร พร้อมอำนวยความสะดวก ปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ตนมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในการเดินทางช่วงดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ภายใต้หัวข้อรณรงค์ “เทศกาลความสุข ทุกที่     ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม”   

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้สั่งการสำนักงานทางหลวง และแขวงทางหลวงทั่วประเทศ ตรวจสอบป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจร ไฟฟ้าแสงสว่างให้พร้อมใช้งาน ตรวจสอบและแก้ไขจุดเสี่ยงและจุดอันตราย พร้อมบำรุงรักษาทางหลวงให้อยู่ในสภาพดีและมีรถบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Mobile Service Car) เมื่อผู้ใช้ทางเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย อีกทั้งได้ขอความร่วมมือผู้รับจ้างคืนผิวทางในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการ หากพบว่ามีปริมาณจราจรหนาแน่นบนเส้นทางหลักจะประสานงานกับตำรวจทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) พร้อมจัดเจ้าหน้าที่บริหารการจราจรในจุดที่การจราจรติดขัด เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อีกทั้ง ทล. ได้จัดตั้งจุดให้บริการทั่วไทย 423 แห่ง แบ่งเป็นจุดให้บริการโดยแขวงทางหลวง กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ 130 แห่ง จุดให้บริการตำรวจทางหลวง 205 แห่ง และจุดให้บริการสถานีตรวจสอบน้ำหนักและพักรถบรรทุก 88 แห่ง ภายในจุดบริการจะมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ การให้ข้อมูลเส้นทาง แนะนำเส้นทางเลือก บริการน้ำดื่ม พร้อมทั้งได้จัดเตรียมห้องน้ำสะอาดบริการประชาชนในพื้นที่หมวดทางหลวง   ทั่วประเทศ 651 แห่ง

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวต่ออีกว่า ทล. ได้เปิดฟรีมอเตอร์เวย์ 2 สายทาง ได้แก่ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ - ชลบุรี - พัทยา - มาบตาพุด ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 บางปะอิน - บางพลี และพระประแดง - บางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 11 เมษายน 2568 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 17 เมษายน 2568 นอกจากนี้ ทล. ได้เปิดให้บริการวิ่งชั่วคราวทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ช่วงด่านหินกอง - ปากช่อง - นครราชสีมา ระยะทาง 163 กิโลเมตร (โดยเปิดให้วิ่งรถทางเดียวกำหนดให้ขาออกกรุงเทพฯ 3 วันแรก/ขาเข้ากรุงเทพฯ 4 วันหลัง) และทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 บางใหญ่ - กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 11 - 17 เมษายน 2568

ผู้ใช้ทางสามารถติดตามการรายงานสภาพจริงการจราจร Online แบบ Real Time ผ่านแอปพลิเคชัน M-Traffic (มอเตอร์เวย์) Thailand Highway Traffic และเฟซบุ๊ก “ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุกรมทางหลวง” อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร เตรียมร่างกายให้พร้อมและวางแผนการเดินทางล่วงหน้า หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทางติดต่อได้ที่สายด่วน ทล. โทร. 1586 สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 (โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง) และตำรวจทางหลวง โทร. 1193

ทช.ชวนใช้ถนนสายรอง เลี่ยงถนนสายหลัก 

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จัดแผนอำนวยความสะดวก และปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ทช. จึงแนะนำเส้นทางเลี่ยงให้กับประชาชน 5 เส้นทาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้วางแผนก่อนการเดินทาง ดังนี้

เส้นทางเลี่ยงไปยังภาคใต้   
- ต้นทาง กลุ่มเขตกรุงเทพกลางและใต้ อาทิ เขตพระนคร พญาไท ดินแดง บางรัก สาทร คลองเตย เริ่มจาก (จุดที่ 1) ข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มุ่งหน้าสู่ถนนสาย กท.1001 (ถนนกัลปพฤกษ์) เพื่อเดินทางต่อไปยังถนนกาญจนาภิเษก (จุดที่ 2) ต่อไป   
- ต้นทาง กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ อาทิ จตุจักร บางเขน ดอนเมือง เริ่มจากแยกเกษตร (จุดที่ 4) เลี้ยวซ้ายแยกแคราย ข้ามสะพานพระราม 5 เลี้ยวซ้าย (จุดที่ 3) เข้าสู่ถนนสาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) เพื่อเดินทางต่อไปยังถนนกาญจนาภิเษกต่อไป

เส้นทางเลี่ยงไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ     
- ต้นทาง กลุ่มเขตกรุงเทพกลางและใต้ เริ่มจาก (จุดที่ 1) ข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) เดินทางต่อบนสายทางเพื่อมุ่งหน้าสู่ ทล.346 (จุดที่ 7) ต่อไป
- ต้นทาง กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ เริ่มจากวงเวียนบางเขน (จุดที่ 5) ใช้ ทล.304 ถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นเดินทางต่อจนถึงสะพานพระราม 4 ข้ามสะพานพระราม 4 แล้วใช้ถนนสาย นบ.3030 (ถนนชัยพฤกษ์) จากนั้นเลี้ยวขวาแยกวงแหวนราชพฤกษ์ - ชัยพฤกษ์ (จุดที่ 6) เพื่อใช้ถนนสาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) มุ่งหน้าสู่ ทล.346 (จุดที่ 7) ต่อไป

เส้นทางเลี่ยงการจราจรกรุงเทพฯ
 - เส้นทางเลี่ยงจากเขตหนองจอก (กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก) สู่ ทล.1 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เริ่มจากสี่แยกเขตหนองจอก (จุดที่ 2) เลี้ยวขวาไปจนถึงถนนสาย ปท.3035 ขับต่อไปอีก 25.4 กิโลเมตร (ตัดกับ ทล.305) (จุดที่ 3) เพื่อเดินทางต่อไปยังถนนสาย ปท.3026 อีก 33 กิโลเมตร จะไปถึง ทล.1 (ถนนพหลโยธิน)      อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี (จุดที่ 4)

เส้นทางเลี่ยงการจราจรตัวเมืองนครสวรรค์       
- เส้นทางเลี่ยงตัวเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ใช้เส้นทางเลี่ยงฝั่งตะวันตก แยกออกไปตาม ทล.333 ผ่านอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี (จุดที่ 2) ต่อเนื่องไปยัง ทล.3221 ผ่านอำเภอทัพทัน (จุดที่ 3) ทล.3013 (จุดที่ 4) ผ่านอำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอลาดยาว (จุดที่ 4) ก่อนเข้าสู่ถนนสาย นว.1001 เพื่อเชื่อมต่อไปยัง ทล.1 (จุดที่ 5) ก่อนเดินทางสู่จังหวัดกำแพงเพชรต่อไป

เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดนครราชสีมา
- เส้นทางเลี่ยง ทล.2 (ถนนมิตรภาพ) เริ่มจาก (จุดที่ 1) ทล.2 กม. ที่ 102+135 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่  ทล.201 (จุดที่ 2) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 41 กิโลเมตร จนถึง กม. ที่ 41+000 เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.2148 (จุดที่ 3) เดินทางต่อไป 3.4 กิโลเมตร จนถึง กม. ที่ 3+400 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสาย นม.4008 (จุดที่ 4) เดินทางต่อไป 23.1 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.2369 (จุดที่ 5) เดินทางต่ออีก 30.8 กิโลเมตร จนถึง กม. ที่ 30+800 (จุดที่ 6)      เข้าสู่ ทล.2246 เดินทางต่อไป 65.5 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.2 กม. ที่ 257+65 แล้วเลี้ยวซ้าย (จุดที่ 7) เพื่อเดินทางมุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น

เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดสมุทรสงคราม - จังหวัดเพชรบุรี 

- เส้นทางเลี่ยง ทล.4 (ถนนเพชรเกษม) เริ่มจาก ทล.35 กม.ที่ 73+070 (จุดที่ 1) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสาย สส.2021 เดินทางเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย ตามเส้นทางไทยแลนด์ริเวียร่า (Thailand Riviera) ระยะทาง 76 กิโลเมตร เพื่อเข้าสู่ ทล.4 กม. ที่ 169+070 มุ่งสู่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (จุดที่ 2) ต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนศึกษาเส้นทางและวางแผนก่อนออกเดินทาง ใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง สามารถศึกษาเส้นทางเลี่ยงสายอื่นเพิ่มเติมได้ทาง Facebook กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม และเว็บไซต์ https://drr.go.th/ สำหรับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ หรือสายด่วน ทช. โทร. 1146