In News

ทุกข์ถ้วนหน้า!!ชป.แปดริ้วสร้างประตูน้ำ ไม่ดูวิถีชีวิตชาวบ้าน



ฉะเชิงเทรา-เดือดร้อนหนัก กรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำขวางคลองไม่ดูสภาพการใช้งานจริง ส่งผลกระทบชาวบ้านเพิ่มทุกข์ให้ชาวนากว่า 1.1 หมื่นไร่ ขณะกำนันพื้นที่โอดน้ำไม่ไหลเข้าสู่ลำคลองสาขาตามเดิม ทั้งที่คลองสายหลักมีปริมาณน้ำมากถึง 2 เมตร วอนหน่วยงานรับผิดชอบแก้ไขด่วน ด้านนายก อบจ.แปดริ้ว ขยับลงพื้นที่ยื่นมือต่อท่อลมหายใจให้ภาคเกษตรก่อนทันที พร้อมแก้ปัญหาด้วยการวางท่อบายพาสลัดผ่านที่ดินเอกชนส่งน้ำบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชน

วันที่ 6 ก.ค.64 เวลา 11.00 น. นายธนพัจน์ ศรีอุไร อายุ 44 ปี กำนัน ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวเปิดเผยถึงผลกระทบความเดือดร้อนของชาวบ้าน ในพื้นที่ ม.7 ม.8 ม.9 ม.10 ม.11 ม.12 ม.13 ม.14 รวม 8 หมู่บ้าน ใน ต.โพรงอากาศ ซี่งประกอบอาชีพทำนา และต้องใช้น้ำจากชวดตาสี และคลองกระทุ่ม ซึ่งเป็นคลองสายหลักของตำบล หลังจากที่ทางกรมชลประทานได้มาทำการก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ (ปตร.) 

ที่บริเวณปากคลองตอกระทุ่มจุดเชื่อมต่อกันกับคลองแสนแสบ ในพื้นที่ ม.5 ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ที่เพิ่งทำการก่อสร้างแล้วเสร็จไป เมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา แต่หลังจากทางกรมชลประทานสร้างประตูระบายน้ำแล้วเสร็จ กลับเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะผู้มีอาชีพทำนาที่มีเป็นจำนวนมากถึง 1,146 ครัวเรือน รวม 11,415 ไร่

เนื่องจากน้ำจากในลำคลองแสนแสบไม่สามารถที่จะไหลผ่านบานประตูระบายน้ำเข้ามายังภายในลำคลองกระทุ่ม และชวดตาสี รวมถึงคลองบ้านใหม่ได้ เนื่องจากคานล่างของบานประตูหรือธรณีประตู มีระดับที่สูงกว่าท้องน้ำในลำคลองตามปกติของคลองแสนแสบถึงเกือบ 2 เมตร ทั้งที่ในคลองมีน้ำมากถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์ของความลึกแล้วก็ตาม 

โดยชาวบ้านได้รับผลกระทบมาตั้งแต่เมื่อช่วงฤดูการผลิตข้าวนาปรัง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา (ธ.ค.63) นับจากการก่อสร้างประตูระบายน้ำแล้วเสร็จ ซึ่งในครั้งนั้นทางกรมชลประทานได้มีการนำท่อสูบน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้วจำนวน 2-3 ท่อ มาทำการสูบน้ำข้ามคานล่างสุดของบานประตูระบายน้ำให้ แต่ปริมาณน้ำที่สูบข้ามส่งไปให้ กลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้านที่ต้องการใช้น้ำในการทำนา ซึ่งมีเป็นจำนวนมากถึง 8 หมู่บ้านใน ต.โพรงอากาศ 

นอกจากนี้ยังมีชาวนาในพื้นที่ ต.บางแก้ว ต.บางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับผลกระทบด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาทำการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านในระยะยาว เพื่อให้ชาวนามีน้ำทำนาตามปกติเหมือนทุกปีต่อไป นายธนพัจน์ กล่าว

ขณะเดียวกันในวันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้ลงพื้นที่ไปยังที่บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองกระทุ่ม ม.5 ต.โพรงอากาศ เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน ด้วยการดำเนินการนำท่อซีเมนต์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตรยาว 1 เมตร จำนวน 130 ท่อน พร้อมด้วยเครื่องจักรกลงานหนัก (รถแบคโฮ) มาทำการขุดวางท่อส่งน้ำให้แก่ชาวบ้านใหม่ 

โดยทำเป็นเส้นทางลัดส่งน้ำแบบบายพาส เชื่อมมาจากลำคลองแสนแสบที่ด้านหน้าประตูระบายน้ำลัดผ่านที่ดินของเอกชนซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงสีข้าว อ้อมไปยังที่ด้านหลังของบานประตูระบายน้ำ เพื่อทำการส่งน้ำให้แก่ชาวนาที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างบานประตูระบายน้ำ ที่ไม่คำนึงถึงสภาพการใช้งานจริงในพื้นที่ของประชาชนต่อไป

ซึ่งนายกิตติ กล่าวว่า หลังจากทราบจากทางผู้นำชุมชนว่า ทางกรมชลประทานได้เข้ามาทำการกั้นประตูทดน้ำเอาไว้สูงกว่าระดับน้ำในลำคลองมาก จนทำให้น้ำไหลผ่านคานประตูไม่ได้และมีประชาชนในพื้นที่ ต.โพรงอากาศ ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จึงได้ประสานขอความร่วมมือมายังทางโรงสีข้าว บริษัทโรงสีเตียหลีฮง จำกัด เพื่อขอฝังท่อซีเมนต์ขนาด 1 เมตรลึก 4.5 เมตรและยาว 130 เมตรผ่านพื้นที่ในการช่วยเหลือชาวบ้าน 

เนื่องจากขณะนี้น้ำในคลองแสนแสบมีปริมาณมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถไหลผ่านเข้าสู่ลำคลองกระทุ่มและชวดตาสีได้ หลังจากทางกรมชลประทานได้เข้ามาสร้างเขื่อนทดและทำบานประตูระบายน้ำปิดที่ความสูงกว่าระดับคลองแสนแสบมากถึงกว่า 2 เมตรขวางไว้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 3 ตำบล คือ ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว ต.บางแก้ว ต.บางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับความเดือดร้อนกันอย่างมาก

สำหรับทางกรมชลประทานจะคิดอย่างไร จะสร้างอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ตนมีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจึงต้องเข้ามาทำการแก้ไข แต่การก่อสร้างที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการสร้างประตูที่สูงกว่าระดับน้ำในคลองอย่างมาก แม้ในลำคลองมีระดับน้ำสูงขึ้นมาจากระดับก้นคลองถึง 2 เมตรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไหลผ่านคานประตูที่สูงลอยอยู่เหนือระดับไม่ได้ นายกิตติ กล่าว   

 สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา