In News

นายกฯสั่งรับมือผลประเมินของแบงก์โลก 'ศก.โลกปี68ทรุด'ตั้ง2พิชัยนำทีมกู้วิกฤติ



กรุงเทพฯ-นายกฯ สั่งการ ครม.ให้ทุกหน่วยงานเตรียมรับมือเศรษฐกิจไทยหลัง “ธนาคารโลก ประเมินตกต่ำทั่วโลก” มอบรอง นายกฯ และ รมว.คลัง นายพิชัย สรุปแผนรับมือนำเสนอ ครม.ด่วนส่วนเหตุความไม่สงบภาคใต้มอบรองฯ ภูมิธรรมและรองฯอนุทิน มท1. ประสานมือกันแก้ไขปัญหาด่วนหลังเหตุการณ์เกิดถี่ขึ้น ขณะที่การของบประมาณต่าง ๆ ในครม. นายกฯ ลั่นไม่ควรเข้ามาเป็นวาระจร ต้องเข้าวาระปกติเพื่อความรอบคอบในการใช้งบประมาณแผ่นดิน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 17 วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการดังนี้        

ผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้ World bank และสถาบันต่าง ๆ คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะตกต่ำลง ส่วนประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบดังกล่าวไปด้วย  โดยคาดว่าจะต่ำกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ รายได้ของประชาชนในภาพรวมจะลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลในการจัดเก็บภาษีอันเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็คงจะเก็บได้ต่ำกว่าเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ แผนการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะที่ต้องอาศัยงบประมาณก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการทบทวน ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และสอดคล้องกับรายได้ของประเทศที่ลดลง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็น ต้องถือโอกาสนี้เร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) ให้มากขึ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงมาตรการดูแลประชาชนและการช่วยเหลือ ภาคธุรกิจ /ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย

นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในประเด็นนี้ว่า “จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับเรื่องนี้ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจและนำมาเสนอต่อ ครม. โดยเร็ว และขอเน้นย้ำกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านว่า “ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส” และขอให้พี่น้องประชาชนและพวกเราทุกคนมีกำลังใจที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยอาศัย “ความสามัคคีของทุกคนในประเทศ” โดยมีคณะรัฐมนตรี และข้าราชการทุกท่านเป็นแกนนำร่วมกันระดมความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ทั้งในภาครัฐภาคเอกชน และประชาชน เพื่อช่วยกันฟันฝ่าและนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการสำหรับสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ซึ่งแต่เดิมที่มีแนวโน้มที่กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น  แต่ในช่วงหลังกลับมีการก่อเหตุร้ายรุนแรง และบ่อยขึ้น จึงขอมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับทหารทุกเหล่าทัพ ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคง เร่งดำเนินการหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม และแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน และขอสั่งการให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ เร่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างจริงจังในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการดูแลทุกข์สุขและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่

“นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการต่อคณะรัฐมนตรีอีกว่า ตามที่ได้เคยแจ้งกับทางคณะรัฐมนตรีทุกท่านว่า การนำเสนอวาระต่อ ครม.ของแต่ละกระทรวง ขอความร่วมมือให้มีการสอบถามความเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนตามกฎหมาย ก่อนที่จะนำเสนอต่อ ครม. ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งพบว่า ในช่วง15 วันที่ผ่านมา มีวาระจรเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ จึงขอเน้นย้ำกับ ครม. ทุกท่าน ให้วางแผนเรื่องเวลาในการส่งเรื่องมา เพื่อจะได้นำเข้าในวาระปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นวาระจรโดยไม่จำเป็น เพราะจะเกิดความไม่รอบคอบ และขาดการรับฟังความคิดเห็นที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยงาน” นายจิรายุ กล่าว