Biz news
บี.กริมเพาเวอร์โชว์กำไรไตรมาส1/2568 โต51.6%พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูก

กรุงเทพฯ-ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1ปี 2568เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น51.6%สู่ระดับ749ล้านบาทและEBITDA 3,725 ล้านบาทเติบโต2.6%เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่กำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่654ล้านบาทเพิ่มขึ้นจาก 379 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก 5 ปัจจัยหลักได้แก่ 1.การรวมผลประกอบการของMalachaในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้าซื้อกิจการ100%ในเดือนพฤษภาคม 2567 2.ปริมาณไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs)ในประเทศเพิ่มขึ้น8.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้น4.การลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติและ5. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้บี.กริม เพาเวอร์ มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าIUs รายใหม่ในประเทศไทยจำนวน6.9 เมกะวัตต์จากกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนกลุ่มยางรถยนต์กลุ่มเคมีภัณฑ์เป็นต้น รวมถึง บี.กริมแอลเอ็นจีนำเข้าLNGจำนวน2ลำในเดือนมีนาคมและเมษายนรวมประมาณ130,000ตันเข้าสู่ระบบPool Gasเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์
ในไตรมาส 1 นี้บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินKuchinashiซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง14 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่นภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับTohoku Electric Power Corporation เป็นระยะเวลา16ปีนอกจากนี้ยังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยการจัดตั้งบริษัทอมตะบี.กริมรีนิวเอเบิลเอ็นเนอร์ยี่จำกัดเป็นบริษัทร่วมทุนโดยบริษัทบี.กริมเพาเวอร์สมาร์ทโซลูชั่นจำกัด (บริษัทย่อย)ถือหุ้นในสัดส่วน25% ขณะที่บริษัทอมตะยูจำกัดถือหุ้นในสัดส่วน75% เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
อีกก้าวสำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ บี.กริมเพาเวอร์ร่วมกับเอ็นเอสบลูสโคปลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและพัฒนาโครงการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนพื้นดินกำลังการผลิตติดตั้ง12เมกะวัตต์ที่โรงงานเอ็นเอสบลูสโคปจังหวัดระยองเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในโรงงานเทียบเท่ากับการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกสูงสุดประมาณ9,000ตันต่อปีนอกจากนี้เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจบี.กริม เพาเวอร์ได้ส่งมอบใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทยเพิ่มทางเลือกด้านพลังงานสะอาดให้กับภาคการเงินและการลงทุนร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ
ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณบี.กริม เพาเวอร์ ได้รับรางวัล "The Best of ESG" ในงานFuture Trends Awards 2025 จัดโดยFuture Trends สื่อผู้นำเทรนด์ของประเทศไทยสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมมิติการกำกับดูแลกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และได้รับ9 รางวัลจากFinanceAsiaนิตยสารชั้นนำด้านการเงินของฮ่องกงสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมืออาชีพภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีและการค้าของสหรัฐฯซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้านิคมอุตสาหกรรมลดลงประมาณ5-10%เมื่อเทียบกับปี2567 อย่างไรก็ตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศเศรษฐกิจหลักอาจส่งผลในเชิงบวกผ่านราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจลดลงโดยเราคาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับSPP อยู่ที่320-340บาทต่อล้านBTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่324บาทต่อล้านBTUและวางแผนนำเข้าLNG ไม่เกิน5ลำเพื่อนำเข้าสู่ระบบPool Gas
“การดึงดูดลูกค้ารายใหม่เช่นศูนย์ข้อมูล (Data Centre) จะช่วยบรรเทาผลกระทบเนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีความอ่อนไหวน้อยต่อมาตรการภาษีและภาวะชะลอตัวของการค้าโลกอีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจดิจิทัลโดย บี.กริม เพาเวอร์ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าอุตสาหกรรมบางรายและจะร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ในการตอบสนองและมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม” ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บี.กริม เพาเวอร์ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่เชื่อมเข้าระบบรวม40-50เมกะวัตต์รวมถึงมีโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะ COD รวม 610.5 เมกะวัตต์ ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ดังนี้1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา(เฟส1)18เมกะวัตต์2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมKOPOS20เมกะวัตต์3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“อินทรีบี.กริม”80เมกะวัตต์4. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อรับเบอร์”ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง35 เมกะวัตต์5.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” 27.5 เมกะวัตต์6.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“ARECO” 65 เมกะวัตต์ และ 7. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง“Nakwol 1” 365เมกะวัตต์
ส่วนเป้าหมายระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593และตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573