Biz news

อ.ต.ก.ลุยจัดงานThailand Intertrade เวทีผลักดันซอฟท์พาวเวอร์เกษตรไทย



กรุงเทพมหานค - 16 พฤษภาคม 2568 องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เดินหน้าคิกออฟ โครงการ "Thailand Intertrade” (ไทยแลนด์ อินเตอร์เทรด) เพื่อสร้างโอกาสและความมั่งคั่งให้กับเกษตรกรไทย พร้อมยกระดับสินค้าเกษตรเมืองร้อนมูลค่าสูงก้าวไกลสู่ตลาดโลก จัดงานแฟร์โชว์นวัตกรรม Smart Farming (สมาร์ทฟาร์มมิ่ง) โดยนำองค์ความรู้จากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ระดับสากลภายใต้แนวคิด BCG Economy Model (Bio Economy, Circular Economy, Green Economy)  ซึ่งประกอบด้วย Bio Economy การส่งเสริมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าผลผลิต Circular Economy การพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน และGreen Economy ผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างสมดุลและยั่งยืนและจำหน่ายสินค้าเกษตรไทยใน 4 ตลาดศักยภาพทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ออสเตรีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และจอร์แดน รวมทั้งประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศได้เลือกซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพสูงมาตฐานส่งออกตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 นี้ มั่นใจสามารถสร้างความได้เปรียบทางการตลาดในระดับโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า อ.ต.ก. มีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่เป็น Strategic Partner เชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้ซื้อ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันการเติบโตของภาคเกษตรกรรมไทยด้วยวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย มีเป้าหมายชัดเจนในการวางรากฐานการค้าที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระดับโลกผ่านแผนงานและกิจกรรมทางการตลาดอันหลากหลายรวมทั้งงาน Thailand Intertrade ซึ่งถือเป็น Roadshow (โร้ดโชว์)เชิงกลยุทธ์ที่ อ.ต.ก. สร้างขึ้นเพื่อสร้างเวทีให้เกษตรกรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก พร้อมทั้งเปิดตลาดสินค้าใหม่ ๆ รวมทั้งจับคู่ธุรกิจให้กับเกษตรกร เพื่อสร้างและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนต่อไป โดย อ.ต.ก. มุ่งหวังว่าการดำเนินโครงการ "Thailand Intertrade" จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่งคั่งให้กับเกษตรกรไทย พร้อมผลักดันสินค้าเกษตรเมืองร้อนของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง

“อ.ต.ก. มีพันธกิจในการสร้างและส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยส่งเสริมการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการ

พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยการผลักดันการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ดังนั้น อ.ต.ก. จึงไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่จำหน่ายสินค้า แต่เราคือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เคียงข้างเกษตรกรไทยในการพัฒนามาตรฐาน สร้างรายได้ และเปิดตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับการจัดงาน Thailand Intertrade ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสินค้าเกษตรเมืองร้อนของไทยสู่ตลาดโลก อ.ต.ก. มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาปรับใช้ในการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนในภาคเกษตรกรรมไทยตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG เพื่อให้สินค้าเกษตรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ" นายปณิธาน มีไชยโย กล่าวเสริม

งาน Thailand Intertrade 2025 นอกจากจะเป็นกิจกรรมเชิงเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างเวทีให้เกษตรกรไทยและผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูงก้าวไกลสู่ตลาดโลกแล้ว ยังมุ่งหวังในการเป็นเวทีจับคู่ธุรกิจ (B2B) และขยายสู่ผู้บริโภค (B2C) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีการนำกลยุทธ์การตลาดแบบ Data-Driven Marketing ผสาน Local Insight ในแต่ละประเทศเป้าหมายมาใช้ เพื่อสร้างความแม่นยำในการทำตลาด พร้อมเจาะลึกความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเน้นสินค้าคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ และรูปแบบการจำหน่ายที่ทันสมัย เช่น อีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรไทยและสินค้าเกษตรของงประเทศไทยด้วย

“อ.ต.ก. ให้ความสำคัญกับการทำตลาดอย่างครบวงจร ตั้งแต่การสนับสนุนองค์ความรู้ การสร้างแบรนด์ การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ตลาด ไปจนถึงการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถยืนหยัดแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินและรายได้ให้แก่เกษตกรที่เข้าร่วมโครงการ” นายปณิธาน กล่าวปิดท้าย

สำหรับงาน Thailand Intertrade 2025 เริ่มจัดที่ประเทศออสเตรียเป็นที่แรก ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม ตามด้วยประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 22-22 พฤษภาคม ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน ประเทศจอร์แดน ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2568 และประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม ณ ตลาด อ.ต.ก. จตุจักร โดยมีเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยเข้าร่วมโครงการ คาดสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดทั้งในและต่างประเทศ