Biz news
คปภ.จัดเวทีเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ แก่บุคลากรว่าด้วยประกันภัยใน3ทาง

กรุงเทพฯ-สำนักงานคปภ. เปิดเวทีเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากรตามโครงการอบรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจหลักและวิธีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการประกันภัยทางอาญาทางปกครองและทางพินัย
เมื่อวันที่ 15พฤษภาคม2568นายชูฉัตรประมูลผลเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(เลขาธิการคปภ.)เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจหลักและวิธีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการประกันภัยทางอาญาทางปกครองและทางพินัยณโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าวระหว่างวันที่ 15พฤษภาคม2568ถึงวันที่5มิถุนายน2568โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากรของสำนักงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาคในหัวข้อกฎหมายที่น่าสนใจและมีมิติที่หลากหลายครอบคลุมการปฏิบัติงานของสำนักงานคปภ. ได้แก่หลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัยการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาการออกคำสั่งและใช้มาตรการบังคับทางปกครองการจัดซื้อจัดจ้างและสัญญาทางปกครองกระบวนการปรับเป็นพินัยตลอดจนกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอาทินายเกียรติภูมิแสงศศิธรตุลาการศาลปกครองสูงสุดนายสมชายพวงภู่ผู้พิพากษาศาลฎีกานายสมรรถชัยวิศาลาภรณ์ประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) นายอนุสรณ์ปลั่งศรีสกุลผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลาย5กรมบังคับคดีและนางสาววารีชินสิริกุลที่ปรึกษาอาวุโส(Senior Advisor) บริษัทChandler Mori Hamada จำกัดเป็นวิทยากรมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในแต่ละหัวข้อการอบรม
เลขาธิการคปภ. ได้เปิดการอบรมและกล่าวต่อผู้เข้าร่วมการอบรม ใจความตอนหนึ่งว่าปัจจุบันธุรกิจประกันภัยต้องพบกับความท้าท้ายมากมายทั้งภัยธรรมชาติหรืออุบัติภัยใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตร่างกายทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมากส่งผลต่อธุรกิจประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนกระทบต่อฐานะความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำนักงานคปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลให้บริษัทประกันภัยจ่ายผลประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้เสียหายอย่างถูกต้องเป็นธรรมอันเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนในขณะเดียวกันสำนักงานก็มีภารกิจที่ต้องทำให้บริษัทมีเสถียรภาพที่มั่นคงมีความเข้มแข็งและประกอบธุรกิจให้มีมาตรฐานตามหลักสากลจึงทำให้สำนักงานมีภารกิจเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเพื่อให้บริษัทประกันภัยดำเนินธุรกิจตามที่กฎหมายกำหนดไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยกระทบต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนแต่ด้วยจำนวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนมีจำนวนมากขึ้น
จึงมีความเป็นไปได้ที่บริษัทประกันภัยจะกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทประกันภัยก็อาจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยหากพนักงานขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้กฎหมายที่ถูกต้องย่อมทำให้ขาดความมั่นใจในการบังคับใช้กฎหมายหรือการออกคำสั่งใดๆบางกรณีอาจถึงขั้นทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสำนักงานและผู้ปฏิบัติงานที่อาจถูกฟ้องร้องเป็นคดีได้ดังนั้นการจะดำเนินการใดๆของสำนักงานในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐนอกจากจะมีเครื่องมือที่สำคัญคือกฎหมายระเบียบประกาศต่างๆที่จะใช้เพื่อให้เป็นไปตามภารกิจของสำนักงานแล้ว “ผู้ใช้” ซึ่งก็คือพนักงานของสำนักงานก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกันกล่าวคือหากพนักงานเรามีความรู้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมายที่จะใช้ในการปฏิบัติงานสามารถปรับใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับบริบทต่างๆลดความเสี่ยงที่อาจจะถูกฟ้องร้องก็จะทำภารกิจต่างๆของสำนักงานที่ดำเนินการผ่าน3ห่วงโซ่ที่สำคัญคือการกำกับการส่งเสริมบริษัทประกันภัยและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยต้องพบกับความท้าทายมากมายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อCovid-19 อุบัติภัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพลิงไหม้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตลอดจนเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อชีวิตร่างกายทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมากและทำให้ธุรกิจประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายตามสัญญาประกันภัยสำนักงานคปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยย่อมมีภารกิจเพิ่มมากขึ้นในการทำให้บริษัทประกันภัยมีความเข้มแข็งมั่นคงพร้อมปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่ประชาชนคือการปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยในสถานการณ์ที่ไม่ปกติในขณะเดียวกันการพัฒนาความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากรของสำนักงาน
จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพซึ่งสำนักงานคปภ. ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดสำหรับการอบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายตามโครงการนี้ถือเป็นปฐมบทแห่งการเรียนรู้ต่อยอดและพัฒนาองค์ความรู้แก่บุคลากรของสำนักงานคปภ. ให้เป็นปัจจุบันเพื่อนำมาปรับใช้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทในอนาคตได้อย่างเหมาะสมเลขาธิการคปภ.กล่าวในตอนท้าย