In News
ชาวเทพารักษ์ร้องถนนพังสังเวยแล้ว4ศพ
นครราชสีมา-ชาวบ้านอำเภอเทพารักษ์โคราชร้องเรียนผ่านสื่อหลังถนนชำรุดในรอบปีสังเวยไปแล้ว 4 ศพ ไร้วี่แววทางหลวงชนบทซ่อมแซม
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายศุภโชค ภูมิโคกรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงปรือ และประชาชน ในพื้นที่ บ้านห้วยน้ำเค็มเชื่อมต่อบ้านช่างสำราญ ตำบลบึงปรือ อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ว่าถนนสายทางหลวงชนบท 4033 มุ่งหน้าออกอำเภอเทพสถิตจังหวัดชัยภูมิและเชื่อมต่อทางหลวง 205 สายสุรนารายณ์ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีถนนที่พังชำรุดเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดระยะเส้นทางกว่า 3 กิโลเมตร คล้ายกับถนนโลกพระจัน อีกทั้งในยามค่ำคืนก็ไม่มีไฟส่องสว่าง และยังพบว่ามีกิ่งไม้หลากหลายสายพันธุ์ปกคลุมหนาทึบตลอดเส้นทาง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยในปีที่ผ่านมาพบว่ามีการใช้ชีวิตแล้วจำนวน 4 ราย แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจากทางหลวงชนบท ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนสายรองที่เชื่อมต่อสองจังหวัด ทั้งจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดนครราชสีมา และในช่วงเทศกาลจะพบว่ามีปริมาณรถจำนวนมากได้เลี่ยงใช้เส้นทางดังกล่าวในการหลบหลีกการจราจรที่ติดขัด
นายวิชัย เรืองงาม อายุ 58 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ถนนทางหลวงชนบทสาย 4033 จะเชื่อมต่อ 2 จังหวัดคือจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าถนนได้มีการชำรุดเสียหาย และเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ไม่มีไฟส่องสว่าง ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จนทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยทางชาวบ้านได้มีการประสานไปทางองค์การบริหารส่วนตำบลบึงปรือแล้ว เพื่อให้ประสานต่อไปยังทางหลวงชนบทเพื่อให้เข้ามาซ่อมแซมแต่ก็ไร้วี่แวว และก็ยังไม่มีกำหนดว่าจะเข้ามาแก้ไขเมื่อใดหรือจะรอให้ประชาชนเสียชีวิตไปมากกว่านี้
นายศุภโชค ภูมิโคกรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงปรือ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่าถนนสายดังกล่าวพังชำรุดเสียหายมาหลายปีจึงได้มีการทำหนังสือไปยังทางหลวงหมวดสีคิ้ว 3-4 ครั้ง แต่ก็ไม่มีคำตอบยืนยันกลับมาว่าจะเข้ามาซ่อมแซมเมื่อใด บางครั้งชาวบ้านได้มีการลงขันกันซ่อมแซมกันเอง แต่ด้วยงบประมาณที่น้อยนิดทำให้ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้ตลอดทั้งเส้นทาง จึงอยากให้ทางหลวงชนบทเร่งดำเนินการแก้ไขโดยการซ่อมแซมถนนให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังต้องการเรื่องของไฟส่องสว่างระหว่างเส้นทาง เพราะในช่วงกลางคืนเส้นทางดังกล่าวจะค่อนข้างเปลี่ยวมากเนื่องจากว่าตลอด 2 เส้นทางจะมีต้นไม้ปกคลุม ค่อนข้างหนาตาทำให้มองไม่ค่อยเห็น และสิ่งที่สำคัญต้องการให้ขยายถนนจากเดิมความกว้าง 6 เมตร ให้เป็น 8 หรือ 10 เมตร
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา