In News

หนุ่มชร.ซวยซ้ำหนีโควิดเจออุบัติเหตุดับ



แพร่ -หนุ่มเชียงรายติดเชื้อโควิด ขอเข้าร่วมโครงการเชียงรายไม่ทิ้งกัน ระหว่างเดินทางเกิดอุบัติเหตุที่แพร่ ไปไม่ถึงบ้านเชื้อโควิดคร่าชีวิต เป็นรายที่3ของจังหวัดแพร่

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษตอบโต้ COVID 19 จ.แพร่โดย เจ้าหน้าที่สมาคมอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดแพร่ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นชาย อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ซึ่งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ขณะกำลังเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับไปรักษาตัวที่จังหวัดเชียงรายด้วยรถยนต์ส่วนตัวเกิดอุบัติรถชนที่อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแพร่ เป็นผู้ป่วยรายที่ 257 ของจังหวัดแพร่ และอยู่ระหว่างการประสานขอส่งตัวกลับไปรักษาที่จังหวัดเชียงราย แต่โชคร้ายเสียชีวิตจากฤทธิ์ของเชื้อไวรัสโควิด 19 แพทย์ทำการรักษาช่วยชีวิตแล้วแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ก่อนจะถึงบ้านเกิด

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางเข้ารับร่างผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแพร่ และนำร่างไปฌาปนกิจที่ป่าช้าประตูมาร โดยมีพระสงฆ์จิตอาสาจากวัดสองแคว วัดพระร่วง และวัดหัวข่วง มาทำพิธีทางศาสนาส่งดวงวิญญานผู้เสียชีวิต

นายแพทย์ขจร วินัยพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ เผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นรายที่ 257 ของจังหวัดแพร่ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะไปรักษาตัวที่จังหวัดเชียงรายแต่มาประสบอุบัติเหตุที่อำเภอเด่นชัยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่จังหวัดแพร่ จึงได้รับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแพร่โดยผู้ป่วยแจ้งผลว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดจะเดินทางไปรักษาตัวตามโครงการเชียงรายไม่ทิ้งกันแต่เกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดแพร่ก่อนและต่อมาเสียชีวิตด้วยอาการไวรัสลงปอดซึ่งถือว่าเป็นยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด 19 รายที่ 3 ของจังหวัดแพร่

จังหวัดแพร่มีผู้ป่วยยืนยันสะสม แล้ว 329 รายเป็นผู้ป่วยในจังหวัดแพร่ 140 ราย จากสถานที่กักตัว(กลับมาจากต่างจังหวัด) 30 ราย และเป็นผู้ป่วยจากต่างจังหวัดในโครงการคนแพร่ไม่ทิ้งกัน 159 ราย  ผู้ที่ยังรักษาตัว 193 ราย  รักษาตัวในโรงพยาบาลแพร่ 73 ราย โรงพยาบาลสนาม 110 รอเข้ารับการรักษา 10 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 3 ราย

ในขณะที่โรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 มีผู้ป่วยเข้ารักษาจำนวนมากเตียงเริ่มไม่พอ ซึ่งจังหวัดแพร่อยู่ระหว่างการจัดการเพิ่มเตียงผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้ยังรองรับได้ สามารถบริหารจัดการได้เพียงพอ

กัญญสร ถิ่นทิพย์