Biz news
ระดมกึ๋น!4ขุนพลอัปเดตปราบโกง'นอมินี' คลี่ปม'สนง.บัญชี-กฎหมาย'จุดเริ่มปัญหา

กรุงเทพฯ-สมาคมสื่อมวลชนไทย-จีน ร่วมกับ สภาทนายความในพระบราราชูปถัมภ์ จัดการเสวนาเกี่ยวกับปัญหาตัวแทนอำพรางและธุรกรรมอำพรางหรือ “นอมินี”ขึ้นเมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 -16.00 น. ณ ห้องประชุมสภาทนายความ บางเขน ภายใต้หัวข้อ “เปิดโปง ปราบปราม ปกป้องชาติ ปราศจากนอมินี”
วิทยากรที่ให้เกียรติร่วมการเสวนาประกอบด้วยหม่อมหลวง ภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นายสุวพิชญ์ มโนภาส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายวสันต์ คงจันทร์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ นายวีรศักดิ์ โชติวานิชอุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์และรองเลขาธิการสภาทนายความฯดำเนินรายการโดยนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมสื่อมวลชนไทย-จีน
ตรวจเข้ม 4.7 หมื่นบริษัทต่างชาติถือหุ้น
หม่อมหลวง ภู่ทอง ทองใหญ่กล่าวว่า ตัวเลขการตรวจสอบนิติบุคคลที่มีต่างชาติถือหุ้นประมาณ 4.7 หมื่นรายนั้น เป็นเพราะกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ขยายกลุ่มธุรกิจจากเดิม 4 กลุ่มเป็น 6 กลุ่ม ที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะมีการใช้คนไทยเป็นนอมินีในการตั้งธุรกิจซึ่งถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้ายขายของที่ระลึก 2.ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท 3.ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขนส่ง และคลังสินค้า 4.ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร 5.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ 6.ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเรื่องนิมีนี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆในการตรวจสอบนิติบุคคลทั้ง 6 กลุ่ม ที่ผ่านมามีผลงานดำเนินคดีไปแล้ว 871 ราย มูลค่าความเสียหายหลักหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันทางกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยมีการตั้งคณะทำงานปราบปรามนอมินีระดับจังหวัด มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีผู้บริหารหน่วยงานต่างๆในระดับจังหวัดเข้ามาร่วมตรวจสอบกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ
กรมฯได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆเพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลที่ต้องสงสัยหรือมีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายจำนวนมาก มีอีกกลุ่มที่จดทะเบียนแล้วมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ซึ่งตอนนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการพัฒนาระบบ IBAS (Intelligence Business Analytics System) ใช้AIช่วยวิเคราะห์ข้อมูล Big Dataทำการคัดกรองข้อมูลเชิงลึกที่มีความแม่นยำสูงสามารถตรวจจับความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลและนิติบุคคลได้อย่างรวดเร็ว
ดีเอสไอชี้ทุนต่างชาติรุกหนัก
นายสุวพิชญ์ มโนภาส เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องนอมินีเกิดขึ้นมานานแล้ว ที่ดีเอสไอสามารถสืบสวนพบ แต่ก่อนคดีนี้เกิดขึ้นมากที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ช่วงยุครุ่งเรือง มีกลุ่มผลประโยชน์ต่างชาติส่วนใหญ่เป็น รัสเซียกับจีนที่เข้ามาซื้อบ้าน ส่วนจีนจะทำทัวร์เป็นหลักแบบครบวงจร เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้เข้าประเทศไทย แต่มาใช้ทรัพยากรของเราปัจจุบันทุนต่างชาติต่างๆ ก็ไม่ได้เบาบางลง ตรงกันข้ามกลับหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้อาจจะด้วยโซเชียลต่างๆ ทำให้เราเห็นปัญหาเกิดขึ้นมากมาย
ในการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอมีขอบเขตอำนาจแบ่งเขตอำนาจในกรณีบริษัทหรือองค์กรธุรกิจที่มีงบฯการเงินแสดงตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ค่อนข้างที่จะตึงเกินไปไหม เพราะใช้คำว่า “แสดงสินทรัพย์ทางการเงิน” หมายความว่าต้องเป็นตัวเลขที่ปรากฏในเอกสาร แต่การสืบสวนสอบสวนของคดีความมั่นคงมักจะพบว่ามีการซ่อนทรัพย์สิน ไม่ได้แสดงทางงบฯการเงิน เป็นการหลีกเลี่ยงอำนาจการสืบสวนสอบสวนหรือเป็นการฟอกเงิน เราต้องมาพิจารณาว่า จะทำอย่างไรไม่ให้มาหลอกดีเอสไอได้
ความผิดที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับเรื่องนอมินี กรณีแรก การที่บริษัทหาคนของตัวเองที่เป็นต่างชาติทำงานแทนไปเลย คนพวกนี้ก็จะไม่มีประวัติการถือหุ้นตามที่จดทะเบียนบริษัทหรือไม่ได้ถือมากกว่ากฎหมายกำหนด อีกกรณีคือ สำนักงานบัญชี สำนักงานกฎหมายบางแห่งที่มีเครือข่าย คอนเน็กชั่นที่รวบรวมคนเข้ามาถือหุ้นแทนนักลงทุนต่างชาติ และยังมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ตรวจจับยากยิ่งขึ้นก็คือเขาตั้งบริษัทมาแล้ว เป็นหุ้นคนไทย 100% แล้วขายบริษัทดังกล่าวให้ต่างชาติ ด้วยการเปลี่ยนบัญชีผู้ถือหุ้นตามกฎหมายกำหนด แล้วไปทำการประกอบธุรกิจ เหมือนอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย
ต้องแก้กฎหมายให้เด็ดขาดชัดเจน
นายวีรศักดิ์ โชติวานิช กล่าวว่า ปัจจุบันทนายความที่ขึ้นทะเบียนมีประมาณ 90,000 คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนที่ขาวสะอาดทั้งหมด มีทนายความบางส่วนที่ออกนอกลู่นอกทางบ้าง ซึ่งการจดทะเบียนบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือหุ้นส่วนบริษัท ทนายความก็จะต้องเป็นผู้เซ็นรับรอง ถ้าทุกอย่างทำอยู่ในกรอบ กฎระเบียบ หรือจริยธรรมของทนายความปัญหานอมินีก็จะไม่เกิด
เรื่องนอมินีมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขครั้งเดียวในปี 2545 จนถึงปัจจุบันเกือบ 23 ปีแล้ว ซึ่งยังไม่มีการแก้ไขใดๆอีกเลย นี่ถือเป็นกฎหมายที่เอามาจับนอมินีเรื่องของการถือครองที่ดินก็มีกฏหมายแยกออกไป โดยอำนาจจะอยู่กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัญหาเรื่องนอมินี จะดูจาก 2 หน่วยงาน บางทีทั้ง 2 หน่วยงานก็จะโยนกันไปกันมา ยังหาผู้รับผิดชอบที่แท้จริงไม่ได้ เรื่องของนอมินี จึงเป็นปัญหาที่ซับซ้อนในการแก้อย่างมาก
หน่วยงานที่เข้ามาจับเรื่องนอมินีอย่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และดีเอสไอ ต่างก็ยังไม่มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ ต่างกับกรมสรรพากรซึ่งมีอำนาจค่อนข้างจะเด็ดขาด เพราะกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว อำนาจจะอยู่ที่ศาล กว่าจะใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐาน กว่าศาลจะตัดสินก็ใช้เวลาเป็นปีดังนั้นถ้าจะจัดการปัญหาให้ได้ผลจริงๆจะต้องไปแก้ไขกฎหมายให้มีความเด็ดขาดชัดเจนระบุความผิดและบทลงโทษที่ชัดเจน
นายหน้าต่างชาติขายอสังหาริมทรัพย์
นายวสันต์ คงจันทร์กล่าวว่า อาชีพนายหน้าเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย กำหนดมาตั้งแต่ปี 2522 แต่จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่มี พ.ร.บ.นายหน้าชัดเจน ทำให้ปัจจุบันมีคนต่างชาติจำนวนมาก มาทำหน้าที่นายหน้า แม้กระทั่งคนพม่ายังมาเป็นนายหน้าขายที่ดินเลย ยกตัวอย่างในภูเก็ต นายหน้าไทยแทบจะอยู่ไม่ได้ เต็มไปด้วยนายหน้าต่างชาติ ยังไม่นับแพลตฟอร์มต่างชาติซึ่งกำลังมีบทบาทอย่างมาก พูลวิลล่าเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขายได้โดยแพลตฟอร์ม ทำให้รายได้และภาษีไม่ตกอยู่ในเมืองไทย จึงอยากฝากภาครัฐบาลให้ช่วยตรวจสอบแพลตฟอร์มเหล่านี้ด้วย
ภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีชาวต่างชาติเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก จากมูลค่าตลาดรวมทั่วประเทศ 1 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต 4 .7 แสนล้านบาท ว่ากันว่า 2 ใน 3 ขายให้ชาวต่างชาติ หรือประมาณ 2 แสนกว่าล้าน แต่ข้อมูลบันทึกอย่างเป็นทางการไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท อย่างพูลวิลล่าต้องเป็นนอมินีเท่านั้น เพราะชาวต่างชาติซื้อบ้านในเมืองไทยไม่ได้
เมืองไทยมีการออกกฎหมายกำหนดว่าถ้าชาวต่างชาติจะมาซื้อบ้านในเมืองไทย ต้องมีเงินลงทุน 40 ล้านบาท หรือประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่มีกฎหมายฉบับนี้ออกมาในปี 2545 จนถึงปัจจุบัน มีคนจดทะเบียนซื้อบ้านด้วยการลงทุน 40 ล้านบาทแค่ 12 ราย เป็นเรื่องที่หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบอย่างจริงจัง