In News
ครม.มีมติยืนยัน4ประเด็นปัญหาชายแดน แก๊งค์คอลฯIOเขมรยังปั่นคนไทยไม่หยุด

กรุงเทพฯ-รัฐบาลยืนยันยังพบการละเมิดตกลงหยุดยิงในหลายจุดชายแดน เน้นย้ำ ไทยเดินหน้าแนวทางกองทัพแบบสุภาพบุรุษ และยึดมั่นในแนวทางเพื่อนำไปสู่สันติภาพ มาโดยตลอด ย้ำต้องคงกำลังจนกว่าสถานการณ์จะเป็นไปตามตกลงหยุดยิง ส่วนช่วงบ่ายกระทรวงต่างประเทศเตรียมประท้วงไปยัง มาเลเซีย จีน และสหรัฐฯ
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก.แถลงข่าวติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า แม้จะมีการประกาศหยุดยิงระหว่างสองประเทศ ตามตกลงหยุดยิงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่จากรายงานที่รัฐบาลได้รับ จากชายแดน ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ยังพบว่ายังมีการละเมิดในหลายพื้นที่
โดยมีความจำเป็นต้องรอจนถึงช่วงเช้า เวลาประมาณ 10.00 น. เนื่องจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 รวมถึงทหารเรือที่ดูแลในจังหวัดจันทบุรีและตราด ต้องสรุปรายละเอียดของสถานการณ์ให้ครบถ้วนว่ามีการละเมิดในจุดใด ลักษณะใด และมีหลักฐานใดประกอบ โดยในเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา มีการประชุมหารือร่วมกันในพื้นที่บางจุดแล้ว และมีการพิจารณาการประชุมระหว่างแม่ทัพ ของทั้งสองประเทศโดยจะพิจารณาว่าจะกำหนดวันประชุมใหม่ เมื่อใด ทั้งนี้ในทางปฏิบัติกองทัพภาคที่หนึ่งและกองทัพภาคที่สองจะใช้การโทรศัพท์พูดคุยเพื่อหาข้อยุติในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ ไทยยังคงเน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กองทัพปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ และต้องตรึงกำลังไว้อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนทั้ง 7 จังหวัด
ในขณะเดียวกัน การประชุมของ สมช. และศบ.ทก. ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ยังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีการสรุปคำแนะนำและแนวทางการปฏิบัติ เพื่อแจ้งต่อผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้ร่วมคณะเดินทางไปยังเมืองปุตราจายา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้แทนจากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสังเกตการณ์ รัฐบาลได้เตรียมจัดทำเอกสารส่งชี้แจงถึงการละเมิดในช่วงหลังเที่ยงคืนต่อไป
สำหรับการรายงานของสื่อกัมพูชาที่อ้างว่าฝ่ายกัมพูชาได้หยุดยิงแล้วว่า เป็นสิทธิของกัมพูชาที่จะชี้แจงในลักษณะนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อกัมพูชาเคยทำต่อเนื่องในหลายวัน แต่กองทัพไทยยังคงยืนยันตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ตอบโต้พลเรือนหรือกระทำเกินขอบเขต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีมติยืนยัน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) ให้กองทัพดำรงการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งแผ่นดินอย่างเต็มกำลัง
2) ยืนยันจุดยืนเดิมเรื่องการเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ และการส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชากลับ ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว
3) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการอพยพกลับ ซึ่งขอให้รอผลการตรวจสอบภาคสนามจาก ศบ.ทก. ในช่วงบ่ายวันนี้
4) ให้ ศบ.ทก. ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และสามารถแถลงข่าวแจ้งต่อประชาชนได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ประเทศไทยดำเนินแนวทางของกองทัพแบบสุภาพบุรุษ ทั้งภารกิจทางอากาศ ทางบก หรือทางใดก็ตาม ทหารไทยไม่เคยโจมตีเป้าหมายพลเรือน ซึ่งต่างจากฝ่ายตรงข้าม และเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาสากลว่าไทยตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ไทยได้ยืนยันหลักการแห่งเสรีภาพและสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเตรียมนำรายละเอียดล่าสุดเข้าสู่การประชุม ครม. ศบ.ทก. และ สมช. ในช่วงบ่าย
ในเรื่องของความเคลื่อนไหวด้าน IO และปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกัมพูชาพบว่า ขณะนี้ความมั่นคงรายงานว่า IO ฝั่งกัมพูชาซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เปลี่ยนภารกิจจากการหลอกลวงประชาชน มาเป็นการปลุกปั่นให้คนไทยขัดแย้งกันเอง โดยมีการใช้บัญชีปลอมโจมตีมากกว่า 500 ล้านครั้งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนช่วยกันตอบโต้ทางออนไลน์ เพื่อต่อสู้กับปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกัมพูชา