Health & Beauty

'รู้ก่อนป้องกันได้'อาการเตือนไม่ละเลย 'มะเร็งตับ'ภัยเงียบคร่าชีวิตคนไทย



ทุกปีมีคนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับกว่า26,000 รายหรือเฉลี่ย3 รายต่อชั่วโมงตัวเลขดังกล่าวทำให้ไทยติดอันดับ4 ของโลกสาเหตุหลักมาจากการตรวจพบช้าเพราะมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้นซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้ถูกเปิดเผยในงานVOICE OF LIVER 2024 แต่ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคืออัตราการรอดชีวิตใน5 ปีของผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทยอยู่ที่เพียง12-17% เท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นสาเหตุหลักเนื่องมาจากการที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ขาดความรู้ในการป้องกันและตรวจคัดกรองทำให้มาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามแล้ว

เหตุใดมะเร็งตับจึงเป็น "ภัยเงียบ"

นพ.จำรัสพงศ์พิศต์อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับรพ.หนองคายและตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับกล่าวในงานVOICE OF LIVER 2024 ระบุว่ามะเร็งตับถือเป็นปัญหาระดับวิกฤตในประเทศไทยเนื่องจากโรคมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้นทำให้ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อโรคเข้าระยะลุกลามและยากต่อการรักษาให้หายซึ่งอาการที่อาจบ่งชี้ถึงโรคมะเร็งตับได้แก่อาการเบื่ออาหารน้ำหนักลดแน่นท้องหรือท้องผูกอาการปวดหรือเสียดชายโครงด้านขวารวมไปถึงอาการตัวเหลือง-ตาเหลืองและท้องมาน

ใครคือกลุ่มเสี่ยงสูง

มะเร็งตับพบได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิงและมักตรวจพบในกลุ่มประชากรที่มีอายุ60 ปีขึ้นไปอย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะพบในกลุ่มอายุที่น้อยลงด้วยทั้งนี้สาเหตุอันดับหนึ่งที่นำไปสู่มะเร็งตับในประเทศไทยคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งตับถึงกว่า60% ของผู้ป่วยในไทยนอกจากนี้ไวรัสตับอักเสบซีและพยาธิใบไม้ตับโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเช่นกัน

อีกหนึ่งภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงอย่างมากคือโรคตับแข็งซึ่งเป็นการเกิดพังผืดในเนื้อตับจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ก็กำลังเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วนโรคเบาหวานชนิดที่2และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

สิ่งที่น่าสนใจคือการศึกษาทางระบาดวิทยาในประเทศจีนยังพบด้วยว่าการสัมผัสฝุ่นละอองPM2.5 ในระยะยาวมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับเพิ่มขึ้นด้วยซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าคิดสำหรับสถานการณ์มลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ของไทย

ความท้าทายในการรักษา

การรักษามะเร็งตับในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีเช่นการผ่าตัด (Surgery) เคมีบำบัด (Chemotherapy) รังสีบำบัดหรือการฉายแสง (Radiotherapy) และการปลูกถ่ายตับ (Liver Transplant) แต่อย่างที่ได้กล่าวไปว่าผู้ป่วยจำนวนมากมักตรวจพบมะเร็งตับในระยะที่มะเร็งลุกลามแล้วทำให้รักษาให้หายได้ยากอีกทั้งยังต้องเผชิญกับผลข้างเคียงของการรักษาที่รุนแรงรวมถึงโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำสูงซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและกำลังใจของผู้ป่วยการแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) จึงเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยมองหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาควบคู่ไปกับวิธีของแพทย์แผนปัจจุบัน

 

ให้ความสำคัญกับการคัดกรอง

มะเร็งตับถือเป็นภัยเงียบที่รุนแรงและมีการดำเนินโรคที่รวดเร็วแต่การตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นติดไวรัสตับอักเสบบีหรือซีมีภาวะตับแข็งมีภาวะไขมันพอกตับดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตับวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งตับได้แก่การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนและการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน (AFP) โดยทั่วไปแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองเมื่ออายุ40 ปีขึ้นไปในเพศชายและเมื่ออายุ50 ปีในเพศหญิง

การใช้สมุนไพรทางเลือกเพื่อการดูแลแบบองค์รวม

หนึ่งในวิธีการดูแลร่างกายที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาคือการประยุกต์ใช้แนวทางแพทย์ทางเลือกด้วยการใช้สมุนไพรร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันงานวิจัยบางส่วนชี้ว่าแนวทางนี้อาจช่วยบรรเทาอาการจากการรักษาโรคมะเร็งและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ที่สถาบันวิจัยยาฉางไป๋ซานประเทศจีนได้ทำการศึกษาและพัฒนาการใช้สมุนไพรจีนเพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลผู้ป่วยโดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อบรรเทาอาการเสริมภูมิคุ้มกันและสนับสนุนการฟื้นฟูร่างกายหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจคือการพัฒนาตำรับสมุนไพรจีนกว่า14 ชนิดที่ได้รับการวิจัยและปรับสูตรจนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยาน้ำเทียนเซียนซึ่งถูกเสนอให้ใช้เป็นทางเลือกในการดูแลและฟื้นฟูร่างกายสำหรับผู้ป่วยบางราย ทั้งนี้มีผลงานวิจัยบางฉบับ รวมถึงการศึกษาในวารสารJournal of Ethnopharmacologyชี้ให้เห็นถึงกลไกที่สมุนไพรเหล่านี้อาจช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ยังต้องการการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพในมนุษย์ดังนั้นยาน้ำเทียนเซียนและสมุนไพรจีนจึงควรถูกใช้เป็นเพียงทางเลือกเสริมไม่ใช่วิธีการรักษามะเร็งโดยตรงผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้งานเพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างเหมาะสมและปลอดภัย

การเอาชนะโรคมะเร็งตับไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรักษาทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวแต่ต้องอาศัยการดูแลแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการรักษาที่ผู้ป่วยมีส่วนร่วมอย่างมีความรู้และได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรจีนควรเลือกควบคู่ไปกับการรักษาในแพทย์แผนปัจจุบันโดยมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและเสริมภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการที่ผู้ป่วยต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมใดๆเพื่อให้ได้แนวทางการดูแลที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด