Authority & Harm
ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีตั้งชุดเฉพาะกิจปราบ บริษัทนอมินีทุนต่างชาติหลังกว่า7พันราย

กรุงเทพฯ-ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ตั้งชุดเฉพาะกิจ ปราบบริษัทนอมินีทุนต่างชาติ หลังพบเข้าข่ายผิดกฎหมายกว่า 7,000 ราย เตรียมปูพรมตรวจสอบ หากพบข้าราชการเกี่ยวข้อง จะเอาผิดขั้นเด็ดขาด
จากกรณีการแก้ไขปัญหา สิ่งปลูกสร้างอาคารวิลล่าบน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดย กอ.รมน.ภาค 4 นำโดย พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4/ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ได้เข้าดำเนินการแก้ไขด้วยการใช้กลไกของคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ภายใต้ สมุยโมเดล เข้าตรวจสอบ สิ่งปลูกสร้างอาคารวิลล่าหรู ในพื้นที่ลาดชันสูง กำหนดเป้าหมาย 24 จุด ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง อ.เกาะสมุย โดยในการเข้าตรวจสอบเป้าหมาย พบการกระทำผิด 93 ราย ในฐานความผิด 5 พรบ. ประกอบด้วย ควบคุมอาคาร ,ก่อสร้าง ,โรงแรม,สิ่งแวดล้อม และ การประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว พร้อมเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังพบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงรายงานต่อ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี และล่าสุด ป.ป.ช.ภาค 8 ร่วมกับ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ หลังพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง และการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวลักษณะใช้นอมินีชาวไทย
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายระดับจังหวัด ว่า ล่าสุด คณะทำงานเฉพาะกิจ ซึ่งมีนายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธาน ได้ตรวจสอบบริษัทนิติบุคคล ที่จดทะเบียนในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี 21,073 พบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย 7,096 ราย มากสุดที่ อ.เกาะสมุย 5,096 ราย รองลงมาคือ อ.เกาะพะงัน 1,932 ราย เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ 4,834 ราย โรงแรม 994 ราย ร้านอาหาร 936 ราย ธุรกิจท่องเที่ยว 173 ราย รถเช่า 108 ราย และอีคอมเมิร์ช 51 ราย ซึ่งคณะทำงานได้กำหนดเป้าหมายเข้าปฎิบัติการนำร่องตรวจสอบ 5 จุด เนื่องจากเป้าหมายแต่ละแห่งเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลมากกว่า 50 นิติบุคคล โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดจะเป็นผู้รับผิดชอบบูรณาการกำลังเข้าดำเนินการในเร็วๆ นี้
นายธีรุตม์ กล่าวด้วยว่า ในจำนวนบริษัทนิติบุคคลเป้าหมายที่จะทำการตรวจสอบนั้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีชาวต่างด้าวถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 49 และมีชาวไทยอย่างน้อย 2 คน เข้าไปถือหุ้นรวมกันในอัตราร้อยละ 51 ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการอื่น ๆ เช่นร้านอาหาร โดยใน 5 กลุ่มนิติบุคคลที่จะเข้าตรวจสอบเป็นนิติบุคคล ที่มีชาวไทยเข้าไปเป็นหุ้นส่วนที่จดทะเบียนบริษัทในชื่อของบุคคลซ้ำกันมากกว่า 30 บริษัท และมีที่ตั้งของนิติบุคคลที่เดียวกัน โดยบางที่อยู่พบว่าเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลมากถึง 87 บริษัท ซึ่งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติละเข้าเมืองโดยผิดฏหมาย ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กวาดล้างจับกุมต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในสุราษฎร์ธานี แโดยใช้นอมินี ในห้วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา รวม 18 คดี บางส่วนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน บางส่วนได้สรุปสำนวนฟ้องต่อพนักงานอัยการ และบางส่วนศาลได้มีคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ จะมีการบูรณาการหน่วยงานเข้าบังคับใช้กฏหมาย และ การทำงานจะมีเอกภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น "
สิทธิณศ เห้งทับ สุราษฎร์ธานี