In News

นายกฯไฟเขียวสร้างกำแพงกั้นไทย-เขมร ยืนยันหนุนกองทัพปกป้องอธิปไตยเต็มที่



กรุงเทพฯ-นายกฯ ประชุม สมช. บ่ายนี้ เน้นเรื่องการรักษาอธิปไตย และหารือกรอบการพูดคุย ยันไทยเตรียมพร้อมตลอดเวลาและพยายามหาวิธีการที่จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด และนำสันติภาพคืนสู่ประเทศ ล่าสุดนายกฯแถลงผลการประชุมร่วมกองทัพ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนกองทัพในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดข้องการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชาขอให้รอบคอบ เคารพวิถีชุมชน และกฎหมาย

วันนี้ (2 ตุลาคม 2568) เวลา 10.30 น. ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ “นิวยอร์กไทม์” สื่อชื่อดังของสหรัฐระบุว่า จีนได้มีการขนส่งอาวุธให้กับฝ่ายกัมพูชาว่า วันนี้จะประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อขอรับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงก่อน ซึ่งได้เชิญทั้ง สมช. พร้อมด้วยเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานมาร่วมประชุมร่วมกัน ซึ่งข้อมูลเป็นอย่างไรนั้นขอไปรับฟังการประชุม สมช. บ่ายนี้ก่อน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวรับทราบอยู่แล้วว่าแสนยานุภาพของฝ่ายที่เรากำลังเฝ้าระวังอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งมีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา เห็นได้จากที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและอนุมัติงบประมาณต่าง ๆ เพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ ในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณไทย-กัมพูชา

โดยการประชุม สมช. วันนี้จะมีการตั้งประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย แต่จะเป็นใครนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้มีการประชุมเรียบร้อยก่อน พร้อมกล่าวว่าการประชุมในวันนี้ จะเน้นเรื่องการรักษาอธิปไตย ความพร้อม และหารือถึงกรอบการพูดคุย เพื่อทำให้สถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายลดลง และพยายามหาวิธีการที่จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด และนำสันติภาพคืนสู่ประเทศให้เร็วที่สุด

อนุทินยันขัดข้องกองทัพสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา

เวลา 16.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2568  ณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงการพิจารณาอนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการจัดทำรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ยังต้องรอรายละเอียดจากกองบัญชาการกองทัพไทยอีกครั้ง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงลักษณะภูมิประเทศ ความสะดวกของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผลกระทบด้านกฎหมายและสังคม โดยให้สมช. แถลงเพิ่มเติมในรายละเอียดต่อไป

นายกรัฐมนตรีย้ำนโยบายรัฐบาลยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและเป็นธรรม โดยต้องหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งต้องรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมย้ำว่า การดำเนินการใด ๆ ต้องมีการเจรจาควบคู่กัน โดยกัมพูชาจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไทยกำหนดไว้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

“กองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ และให้เตรียมความพร้อมต่อเนื่องตามมติที่ประชุมที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินนโยบายของไทยจะควบคู่ไปกับบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ  ไทยยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่ฝ่ายที่เป็นผู้คุกคาม แต่เป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องประเทศ”  นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยัน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลมีการสื่อสารและหารือกับหลายฝ่าย เพื่อผลักดันสถานการณ์ให้เดินหน้าไปในทิศทางที่สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือ และหากทั้งสองประเทศมีความจริงใจที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไทยได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด