In News
นายกฯร่วมแถลงผล'ยุทธการสกัดยานรก' ยึดยาบ้า18ล้านเม็ด/เร่งช่วยน้ำท่วมเหนือ

กรุงเทพฯ-นายกฯ อนุทิน นำแถลงผลปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด “ยุทธการสกัดยานรก” ยึดยาบ้ากว่า 18 ล้านเม็ดพร้อมทลายเครือข่ายรายสำคัญ สะท้อนความร่วมมือภาครัฐ ตำรวจ นานาชาติ เดินหน้ายกระดับปราบปรามเต็มกำลังและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายกฯ อนุทิน ฝากถึงเยาวชน ให้นึกถึงอนาคต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดส่วนน้ำท่วมภาคเหนือ แบ่งงาน รมช. มท. ลงพื้นที่ และเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ภาคเหนือ
วันนี้ (4 ตุลาคม 2568) เวลา 08.30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติ “ยุทธการสกัดยานรก” โดยมีพลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตลอดจนคณะผู้บังคับบัญชา เข้าร่วมการแถลงข่าว
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการแถลงข่าวในวันนี้ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักของรัฐบาลต่อการปราบปรามและป้องกันภัยจากยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงที่คุกคามประเทศ ส่งผลกระทบต่อบุตรหลาน ครอบครัว ความมั่นคง ตลอดจนสภาพสังคมโดยรวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตลอดระยะเวลาสองปี ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการอย่างเต็มกำลัง โดยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับผู้ค้าและผู้ผลิตยาเสพติดอย่างจริงจัง มีการจับกุม ดำเนินคดี และทำลายของกลางได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม กระบวนการค้ายาเสพติดยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งเส้นทางการลำเลียงและวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งผลการปฏิบัติการครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน และยังมีความร่วมมือระหว่างฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองในระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อยกระดับการจัดการอย่างรอบด้าน ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้ครบทุกมิติ อันจะนำไปสู่การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“ขอขอบคุณ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนาย ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ เสี่ยงชีวิต เพื่อขจัดภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ และความสงบสุขของสังคมโดยรวม และขออวยพรให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติภารกิจด้วยความปลอดภัย สำเร็จลุล่วงด้วยดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ จากการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการของนายกรัฐมนตรี แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยให้เป็นนโยบายเร่งด่วน และให้ยกระดับการจัดการปัญหายาเสพติด โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศในการร่วมกันปราบปรามยาเสพติด ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยผลปฏิบัติ “ยุทธการสกัดยานรก” ในห้วงเดือนกันยายน - ตุลาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดสำคัญได้ถึง 9 คดี จับกุมผู้ต้องหา 16 ราย ยึดยาบ้ารวม 18.25 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,488 กิโลกรัม และคีตามีน 29 กิโลกรัม โดยมีคดีสำคัญที่สะท้อนถึงความเด็ดขาดในการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ตั้งแต่ชายแดนจนถึงเมืองหลวง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทดสอบของกลางสารเสพติดด้วยตนเอง และรับชมบอร์ดผลการดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 “ยุทธการสกัดยานรก” ด้วย
นายกฯเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ
ช่วง09.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 “ยุทธการสกัดยานรก” ว่าเดินหน้าป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยรวมพลังของฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจในการป้องกันปราบปรามการค้า การจำหน่ายรายย่อย ด้วยการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
“ขอฝากไปยังผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงเยาวชนที่รับจ้างขนส่ง ไม่คุ้มเลยกับโทษที่ได้รับ มีแต่เด็กเยาวชนทั้งนั้น ที่ไปรับจ้างขนส่งยาเสพติด มีโทษเท่ากับเป็นผู้ค้า ขอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอนาคตที่จะเสียไปเพราะโทษที่ได้รับมีโทษร้ายแรง ถึงประหารชีวิต และอาจจะโดนโทษตลอดชีวิต ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดมีโทษเด็ดขาด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความร่วมมือกับทุกฝ่าย รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนที่มีประวัติยาเสพติดจะเข้าประเทศ จะติดตามดำเนินคดีอยู่ตลอดเวลา เข้าไปเอกซเรย์การค้ายาเสพติดให้เหลือน้อยที่สุด ต้องดำเนินคดีผู้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เป็นความร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถทำการค้าสิ่งผิดกฎหมายได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในส่วนของน้ำท่วมทางภาคเหนือ ได้ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง 3 ท่าน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่วนของการเยียวยา ถ้าเกิดความเสียหายจะเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด ทั้งยังจะดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดภัยน้ำท่วมในระยะยาวด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการรื้ออาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ว่า หากประเมินตัวอาคารว่าไม่มีความปลอดภัย ก็จำเป็นต้องรื้อออกและสร้างใหม่ ซึ่งจะเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของงาน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง สภาวิศวกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบโครงสร้างเพิ่มเติม เนื่องจากพบเสาเข็มขาดเพิ่ม ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และเห็นควรที่จะต้องรื้อถอนอาคาร เพราะตำรวจควรมีที่ทำงานใหม่ เนื่องจากตัวอาคารเริ่มหลุดจากศูนย์กลางโครงสร้าง ซึ่งไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานในอาคารหลังนี้ได้อย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้คุยเบื้องต้นกับทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้รับจ้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเห็นตรงกันว่า ในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง ต้องรื้ออาคารและสร้างใหม่ขึ้นมา เนื่องจากสภาพดินบริเวณดังกล่าวสไลด์และอ่อนตัว ส่งผลให้อาคารขาดความสมดุล ประกอบกับอาคารเดิมมีขนาดเล็ก ใช้เสาเข็มไม่ใหญ่ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือสร้างใหม่ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด