In News

นายกฯอนุทินประชุมปัญหาน้ำท่วมและ แผนบรรเทาน้ำท่วมใต้เขื่อนเจ้าพระยา



กรุงเทพฯ-นายกฯ "อนุทิน" ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ณ เขื่อนเจ้าพระยา ย้ำทุกหน่วยงานร่วมมือกันทำงานเชิงรุก บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสั่งการจังหวัดพื้นที่ประสบภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายให้มีความชัดเจน และเร่งจ่ายค่าชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

วันนี้ (10 ต.ค.68) เวลา 15.50 น. ณ  ห้องประชุมพระครูวิมลคุณากร ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เขื่อนเจ้าพระยา สำนักงานชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้ำพระยา (22 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน 7 จังหวัด และลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 15 จังหวัด) พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการทำงานตามนโยบายรัฐบาลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ตลอดจนนายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายสงกรานต์ ชลอศรีทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12  สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าร่วมด้วย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้รับฟังสรุปรายงานสภาพปัญหาในพื้นที่จังหวัดชัยนาท โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมรับฟังสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จากเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมชลประทาน ได้รายงานการบริหารจัดการน้ำและความก้าวหน้าแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและแนวทางการทำงานตามนโยบายรัฐบาลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการ การทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการดำเนินโครงการต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน รวมทั้งแผนหลัก 9 แผนด้วย ทั้งนี้จะช่วยลดงบประมาณได้เป็นจำนวนมากในการเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างยั่งยืนในอนาคต เพื่อให้นำเงินดังกล่าวมาพัฒนาในการบริหารจัดการน้ำและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน รวมถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตลอดจนการพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจังหวัดพื้นที่ประสบภัย เร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายให้มีความชัดเจน และเร่งจ่ายค่าชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

“ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องมอบกรอบการทำงาน เป็นกรอบกว้างเพื่อนำไปปฏิบัติตามภารกิจและหน้าที่งานที่รับผิดชอบต่อไป โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตนเองไม่สามารถไปทั้งหมดได้ แต่ด้วยเครือข่ายของทุกท่านสามารถวางรูปแบบทั้งภูมิภาค ทั้งระบบได้”

นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการต้องให้กำลังใจประชาชนที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะต้องได้รับผลกระทบนานหลายเดือน โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเกิน 7 วัน เช่น เกิน 1 เดือนหรือ 2 เดือน จะต้องมีการดูแลเยียวยาให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยมอบหมายให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการหาแนวทางและวิธีการดูแลช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปอย่างเหมาะสมต่อไป รวมทั้งให้กรมชลประทาน เร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบัน เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และการบริหารประตูระบายน้ำ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“ขอเน้นย้ำในเรื่องของการปฏิบัติการในระยะที่เกิดสถานการณ์อยู่ คือ การบูรณาการ ต้องมองถึงประชาชนเป็นหลัก พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะเป็นเรื่องฉุกเฉิน”

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้เร่งดำเนินการและแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนร่วมกันทำงานเชิงรุก ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำเกิดผลเป็นรูปธรรม ลดความเดือดร้อนของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงในการจัดการน้ำระยะยาวต่อไป

ด้านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำถึงการจ่ายการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จะต้องเร่งรัดโดยเร็วที่สุด โดยล็อตแรกกำลังจะนำเข้าเสนอคณะมนตรีในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นรอบๆ ไป จะไม่รอให้สิ้นสุดแล้วจึงอนุมัติทีเดียว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณประตูเขื่อนระบายน้ำ ณ เขื่อนเจ้าพระยาด้วย ก่อนเดินทางต่อไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนจังหวัดสิงห์บุรีต่อไป

อนึ่ง ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากโรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร จังหวัดพิจิตร มายังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ได้ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณที่มีพื้นที่น้ำท่วมด้วย