In News
นายกฯเยือนสปป.ลาวถก4ประเด็นสำคัญ ตั้งเป้าปี2570การค้าไทย-ลาว3.6หมื่นล.

นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว-นรม. ไทย- นรม. สปป.ลาว หารือเต็มคณะ ผลักดันแก้ปัญหายาเสพติด ภัยออนไลน์ค้ามนุษย์ สกัดสารตั้งต้น เชื่อสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 5 ยังช่วยขนส่งสินค้าผ่านแดนคล่องตัวตั้งเป้ามูลค่าการค้า 11,000 ล้าน ดอลลาร์ (36,000ล้านบาท)ในปี 2027 ยกระดับด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การคมนาคมและโลจิสติกส์ และพลังงาน หลังจากนั้น ผู้นำไทย–ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ และพิธีส่งมอบความช่วยเหลือหลายด้านแสดงถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในทุกมิติ และสะท้อนสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกว่า 75 ปีและนายกฯร่วมประชุมทีมประเทศไทย รับฟังปัญหาเอกชนไทยใน สปป.ลาว ตั้งเป้าการค้าทวิภาคี 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2027 แนะทูต-เอกชนสร้าง "Friends of Thailand" ผลักดันผลประโยชน์แบบ win-win
วันนี้ (16 ตุลาคม 2568) เวลา 09.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเท่ากับประเทศไทย) ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและภริยา ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยขึ้นแท่นรับความเคารพ ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ร่วมกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และนางวันดาลา สีพันดอน ภริยา
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว เป็นประธานร่วมการหารือเต็มคณะโดยภายหลังเสร็จสิ้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาล สปป. ลาว ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกของตนเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังร่วมเฉลิมฉลอง ครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–ลาว ในปีนี้ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มั่นคง และสืบเนื่องยาวนานระหว่างสองประเทศ
นายกรัฐมนตรียังเชิญนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำแม่น้ำโขง-ล้านช้าง (MLC Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ในปลายปีนี้ ขณะเดียวกัน ไทยพร้อมเข้าร่วมประชุม JC และ JBC ที่ลาวจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว กล่าวแสดงยินดีกับนายกรัฐมนตรีที่ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมยืนยันที่จะสานต่อและขยายความร่วมมือระหว่างไทยและ สปป.ลาว ในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
ความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด การฉ้อโกงออนไลน์และการค้ามนุษย์ โดยไทยจะยกระดับความร่วมมือในการสกัดกั้นยาเสพติดและสารตั้งต้นและสนับสนุนงบประมาณและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่าย สปป.ลาวในภารกิจความมั่นคง นอกจากนี้ ไทยขอให้ลาวมอบหมายหน่วยงานหลักเป็น Contact point เพื่อประสานกับศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์และการค้ามนุษย์นานาชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมการฉ้อโกงออนไลน์และค้ามนุษย์ตามแนวชายแดน พร้อมกับจะมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการค้ามนุษย์ เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนจากทั้งสองประเทศ
ประเด็นหมอกควันข้ามแดนและการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส หรือ CLEAR Sky Strategy โดยไทยจะสนับสนุน สปป.ลาวในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการจัดเก็บข้อมูลและการแจ้งเตือนประชาชน
นายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมของไทย ในการจัดการประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว (COOP ครั้งที่ 8) เพื่อกำหนดแนวทางเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าชายแดน และการส่งเสริมเครือข่ายผู้กระกอบการ SMEs เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ภายในปี 2027
นายกรัฐมนตรียินดีที่ทราบว่า โครงการด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ หลายโครงการมีความคืบหน้า สร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย อาทิ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าชายแดนและผ่านแดนให้มีความคล่องตัว ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามได้มากขึ้น ทั้งการเปิดสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ในอนาคตอันใกล้นี้ การเสริมกำลังสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) ให้แล้วเสร็จ และการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12
ทั้งนี้ ไทยพร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพื่ออำนวยความสะดวกการคมนาคมระหว่างไทยและ สปป.ลาว ครอบคลุมการให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับสะพานข้ามแม่น้ำโขงเมืองเชียงแมน-หลวงพระบาง การหารือโครงการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ไทย-ลาวอย่างครบวงจร
ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านพลังงานอย่างใกล้ชิดเพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมสีเขียวเข้ามาลงทุนในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีขอให้สปป.ลาวสนับสนุนการลงทุนจากไทยในด้านพลังงานและธุรกิจ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ที่ไทยมีศักยภาพทำให้ทั้งสองประเทศสามารถผลิตไฟฟ้าร่วมกันได้มาก
ที่ประชุม ยังได้หารือถึงความร่วมมือในกรอบพหุภาคีอย่างสร้างสรรค์ ไทยพร้อมมีบทบาทเชิงรุกและสร้างสรรค์ในการสนับสนุนให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมา และเชื่อว่าการเลือกตั้งของเมียนมาที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพและจะเป็นก้าวที่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองด้วย
ผู้นำไทย-ลาวร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ
เวลา 09.45 น. ณ โถงบันไดกลาง สำนักงานนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายสอนไซ สีพันดอน (H.E. Mr. Sonexay Siphandone) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 1 ฉบับ และ พิธีส่งมอบความช่วยเหลือจากฝ่ายไทยแก่ฝ่ายลาว รวม 4 รายการ ดังนี้
1) บันทึกความเข้าใจระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับ ธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมี นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนลงนามฝ่ายไทย
2) พิธีมอบการสนับสนุนทางการเงิน สำหรับโครงการความร่วมมือเพื่อสกัดกั้นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด ไทย–ลาว จำนวน 10,000,000 บาท โดยมี พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้แทนฝ่ายไทย
3) พิธีส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท โดยมี นายจุลวัจน์ นรินทรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นผู้แทนฝ่ายไทย
4) พิธีส่งมอบอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและฝึกอาชีพแรงงาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มูลค่า 1,495,930 บาท โดยมี นายจุลวัจน์ นรินทรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นผู้แทนฝ่ายไทย
5) พิธีส่งมอบความช่วยเหลือทางวิชาการ สำหรับงานออกแบบรายละเอียด โครงการพัฒนาระบบประปาระยะที่ 2 ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มูลค่าประมาณ 30,000,000 บาท โดยมี นายจักร บุญ–หลง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) เป็นผู้แทนฝ่ายไทย
โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “การลงนามในบันทึกความเข้าใจและพิธีส่งมอบความช่วยเหลือดังกล่าว สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย–ลาว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ แรงงาน การพัฒนาและวิชาการ รวมถึงด้านสาธารณสุข และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และพัฒนาสังคมให้เติบโตเคียงคู่กันอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของมิตรภาพ ความไว้วางใจ และความเข้าใจอันลึกซึ้งที่มีมายาวนานกว่า 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต”
ภายหลังพิธี นายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนด เดินทางไปยังทำเนียบประธานประเทศ สปป.ลาว เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากนั้นจะเข้าร่วม งานเลี้ยงอาหารกลางวัน ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวียงจันทน์
นายกฯรับฟังปัญหาเอกชนไทยในสปป.ลาว ตั้งเป้าการค้าทวิภาคี3.6หมื่นล้านในปี2027
เวลา 13.20 น. ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประชุมหารือร่วมกับทีมไทยแลนด์ และพบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้แทนภาคเอกชนไทยจากบริษัทชั้นนำต่างๆ
โดยผู้เข้าร่วมทีมไทยแลนด์ ได้แก่ นางสาวจิรัสยา พีรานนท์ อุปทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ผู้ช่วยทูตทหารบก ผู้ช่วยทูตทหารอากาศอัครราชทูตที่ปรึกษา จากฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายควบคุมยาเสพติด และฝ่ายความมั่นคง รวมถึงภาคเอกชน อาทิ ธนาคารกรุงไทย สาขานครหลวงเวียงจันทน์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบริษัท พีทีที (ลาว) จำกัด
ภาคเอกชนไทยที่เข้าร่วม อาทิ UMG Lao, ธนาคารกรุงเทพ, กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์, ราชกรุ๊ป, พีทีที ลาว, ซีพี ออลล์ ลาว, น้ำตาลมิตรลาว, เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลาว, บริษัทไฟฟ้าหงสา, ทีโอเอ เพ้นท์ (ลาว), เบทาโกร ลาว, ซี.พี.ลาว, มอนซูน วินด์พาวเวอร์, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์, และบริษัทซีไอการค้า ขาออก-ขาเข้า
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต สมาชิกทีมประเทศไทย และผู้แทนภาคเอกชนไทยทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และสละเวลาเดินทางมาร่วมการหารือในวันนี้ โดยระบุว่าการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการในฐานะประเทศแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง สะท้อนถึงความสำคัญของลาวสำหรับไทย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด มีความเกี่ยวโยงกันอย่างลึกซึ้งทั้งด้านความมั่นคงและการพัฒนา โดยรัฐบาลชุดนี้ต้องการวางรากฐานสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในอนาคต ผ่านการขยายตลาดการค้า การดึงดูดการลงทุนสมัยใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มเข้าสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และการส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านที่มีห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) และระบบคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการหารือกับนายกรัฐมนตรีสอนไซฯ ในช่วงเช้าวันเดียวกันว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระดับประชาชน เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการรักษาความสงบเรียบร้อยชายแดน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าผ่านแดน
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือความร่วมมือในโครงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน สะพาน และรถไฟ ซึ่งจะมีพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ไทยและลาวสามารถบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคี 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2027
นายกรัฐมนตรีระบุเพิ่มเติมว่า ได้หารือกับประธานประเทศ สปป.ลาว เพื่อย้ำถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ และขอให้ลาวสนับสนุนโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ของไทย รวมถึงช่วยดูแลคนไทยกว่า 5,000 คนในลาว และสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยในประเทศ พร้อมชื่นชมบทบาทของทีมประเทศไทยและภาคเอกชนที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ข้อตกลงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีขอให้ภาคเอกชนไทยดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งเสริมการจัดกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภาพลักษณ์นักลงทุนไทยในฐานะ “นักลงทุนคุณภาพที่ลาวไว้วางใจ” พร้อมสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานสร้างเครือข่ายกับบุคคลระดับสูงของลาวในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อขยายเครือข่าย “Friends of Thailand” ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนในลักษณะ win-win ทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรียังได้รับฟังการนำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจใน สปป. ลาว จากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ ซึ่งครอบคลุมปัญหาด้านการประกอบธุรกิจต่างๆ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ ตลอดจนแนวทางส่งเสริมการประกอบธุรกิจ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้แทนภาคเอกชนไทย โดยรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอจากทุกภาคส่วน เพื่อพิจารณาแนวทางสนับสนุนที่เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือไทย–ลาวให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ
โอกาสนี้ ที่ประชุมฯ ยังหารือครอบคลุม 5 ประเด็นหลัก ได้แก่
(1) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายการค้าทวิภาคี 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2027 และเตรียมจัดประชุม JC COOP ครั้งที่ 8 เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและ SMEs
(2) การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ โดยขอให้ฝ่ายลาวดูแลการขนส่งผลไม้จากไทยผ่านลาวไปจีน รวมถึงค่าธรรมเนียมและการอนุญาตให้รถบรรทุกไทยใช้สถานีเวียงจันทน์เพื่อขนถ่ายสินค้าขึ้นรถไฟลาว-จีนโดยตรง
(3) การแก้ปัญหาภาษีหลายรายการ ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง โดยจะผลักดันให้มีระเบียบที่ชัดเจนและโปร่งใส
(4) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรลาว เพื่อรองรับการลงทุนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยในลาว
(5) การรองรับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน