In News

โฆษกรัฐบาลปฏิเสธนักการเมืองไทยเอี่ยว แก๊งค์สแกมเมอร์ในเขมรชี้เป็นข่าวปลอม



กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลแจง เป็นข่าวปลอม “นักการเมืองไทยพัวพันขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา กต. ตรวจสอบแล้ว“รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ได้ให้ข้อมูลดังกล่าว” ก่อนหน้านี้ ได้ยันไทยไม่มีปล่อยตัว 18 เชลยศึก​ หากกัมพูชา ไม่ทำตามข้อตกลงปราบสแกมเมอร์ และข้อตกลงที่เหลือ ​ยัน​นายกฯไม่แทรกแซงวงเจรจา เร่งรัดประชุม ​JBC

วันนี้(19 ต.ค. 68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง เป็น “ข่าวปลอม” (Fake News)  ตามที่ปรากฏ สื่อบางสำนักเผยแพร่ข่าว โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยรายชื่อนักการเมืองไทย 7 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา ว่า กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงและไม่มีแหล่งข่าวหรือถ้อยแถลงใดจากทางการเกาหลีใต้ที่กล่าวเช่นนั้น

โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยระบุชัดว่า “บทความของสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจลงวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ซึ่งรายงานว่านายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้กล่าวถึงนักการเมืองไทย 7 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีสแกมเมอร์ในกัมพูชา ไม่เป็นความจริง” พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อข่าวปลอมดังกล่าว เพื่อปกป้องความถูกต้องของข้อมูลและชื่อเสียงของบุคคลที่ถูกพาดพิง

“ขอยืนยัน ว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีนายอนุทิน ให้ความสำคัญ ในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบอย่างจริงจัง  โดยแถลงต่อรัฐสภาให้เป็น 1 ใน 4 นโยบายเร่งด่วน และจะดำเนินตามกฎหมายกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการอาชญากรรมนี้ อย่างเด็ดขาด  นายสิริพงศ์ ยืนยัน 

โฆษกรัฐบาล ​ ยันไทยไม่มีปล่อยตัว 18 เชลยศึก​ 

วันที่ 18 ต.ค. 2568 นายสิริพงศ์​  อังค​สกุล​เกียรติ​ โฆษก​ประจำ​สำนักนายก​รัฐมนตรี​  กล่าวถึงกระแสข่าวการปล่อยตัว​เชลยศึกกัมพูชาทั้ง​ 18 คน ว่า​ ตนตรวจสอบข้อมูลจากนายสีหศักดิ์​ พวง​เกตุ​แก้ว​ ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การต่างประเทศ​  แม้ว่าจะติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อกังวลในหลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าการนำเสนอข่าวของกัมพูชา ว่าไทยจะมีการปล่อยเชลยศึกทั้ง 18 คนนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการประชุมร่วมกับทางกัมพูชา ครั้งก่อน มีการพูดคุยต่อรอง อยากให้ไทยปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน แต่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันไปว่า จะต้องดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อของการประชุม GBC ครั้งที่ผ่านมาคือการถอนกำลังทหาร การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดการปัญหาสแกมเมอร์ และมีการผลักดันชาวกัมพูชา ที่รุกล้ำอยู่ในพื้นที่ดินแดนไทย ออกจากพื้นที่ แต่หากไม่มีการดำเนินการ 4 ข้อตกลงดังกล่าว ก็จะไม่มีการเจรจาการปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า จากกรณีที่มีการระบุว่า​ นายกรัฐมนตรีไทย มีการเร่งรัด ให้ประชุม JBC ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายกรัฐมนตรี​ ไม่ได้มีการแทรกแซง ซึ่งเน้นย้ำว่าเป็นไปตามปฏิทิน ที่ได้มีการตกลงไว้แล้วก่อนหน้านี้ เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ส่วนที่มีการซักถามว่าหากมีการประชุม JBC ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ยกเลิก MOU 43​- 44 หรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าได้รับคำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าการประชุม JBC เป็นการพูดคุยกันในเรื่องแนวทางที่จะดำเนินการ เช่นการใช้ระบบไลดาร์ ในการหาพิกัด ซึ่งไม่มีพันธะผูกพันสัญญาใดๆ แต่เป็นการพูดคุยหาแนวทางร่วมกัน เท่านั้น