In News
คนไทยยังอดทนต่อเหตุขัดแย้ง'ไทย-เขมร' นิด้าโพลชี้ปชช.35.19%หนุนปิดด่านต่อไป

กรุงเทพฯ-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “คนไทย ยังอดทนอยู่หรือเปล่า?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพอใจและความกังวลของประชาชนจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ จากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พบว่า
- กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 53.67 ระบุว่า พอใจมาก รองลงมา ร้อยละ 34.20 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 9.54 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 2.44 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
- กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.83 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 16.95 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 14.43 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.13 ระบุว่า ไม่ตอบ/
ไม่สนใจ - รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 38.32 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.03 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 25.80 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 9.62 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามถึงความอดทนของประชาชนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ โดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.53 ระบุว่า ยังมีความอดทนอยู่พอประมาณ รองลงมา ร้อยละ 24.43 ระบุว่า หมดความอดทนแล้ว ร้อยละ 19.69 ระบุว่า เริ่มไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว ร้อยละ 14.74 ระบุว่ายังมีความอดทนสูงอยู่ และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ สำหรับภาพรวมของประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (210 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.57 ระบุว่า ยังมีความอดทนอยู่พอประมาณ รองลงมา ร้อยละ 24.29 ระบุว่า หมดความอดทนแล้ว ร้อยละ 22.38 ระบุว่า เริ่มไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว ร้อยละ 14.28 ระบุว่า ยังมีความอดทนสูงอยู่ และร้อยละ 0.48 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามถึงเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ โดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.05 ระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งจะยืดเยื้อยาวนานไม่จบรองลงมา ร้อยละ 41.76 ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน ร้อยละ 31.15 ระบุว่า สถาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่รัฐ อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ตามแนวชายแดน ร้อยละ 21.15 ระบุว่า การรบกันอีกระหว่างไทย-กัมพูชา ร้อยละ 18.32 ระบุว่า ไม่กังวลอะไรเลย ร้อยละ 18.24 ระบุว่า ไทยจะเสียดินแดน ร้อยละ 14.50 ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจชายแดน จากการปิดด่านระยะยาว ร้อยละ 12.06 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจจะแทรกแซง ร้อยละ 8.55 ระบุว่า การพลาดท่าให้กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ ร้อยละ 7.79 ระบุว่า รัฐบาลจะไม่เปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา ร้อยละ 6.79 ระบุว่า รัฐบาลจะตัดสินใจเปิดด่าน ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ร้อยละ 5.80 ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของนักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ บางคนจะสร้างความได้เปรียบให้กัมพูชา และร้อยละ 0.91 ระบุว่า มวลชนกลุ่มต่าง ๆ จะขวางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ สำหรับภาพรวมของประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (210 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.19 ระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งจะยืดเยื้อยาวนานไม่จบ รองลงมา ร้อยละ 44.76 ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน ร้อยละ 33.33 ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่รัฐ อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ตามแนวชายแดน ร้อยละ 25.71 ระบุว่า การรบกันอีกระหว่างไทย-กัมพูชา ร้อยละ 16.67 ระบุว่า ไทยจะเสียดินแดน ร้อยละ 14.76 ระบุว่า ไม่กังวลอะไรเลย ร้อยละ 13.33 ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจชายแดน จากการปิดด่านระยะยาว ร้อยละ 9.52 ระบุว่า การพลาดท่าให้กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ ร้อยละ 8.10 ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจจะแทรกแซง ร้อยละ 4.29 ระบุว่า รัฐบาลจะไม่เปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะตัดสินใจเปิดด่าน ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 3.33 ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของนักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ บางคนจะสร้างความได้เปรียบให้กัมพูชา และร้อยละ 1.43 ระบุว่า มวลชนกลุ่มต่าง ๆ จะขวางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา โดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 35.19 ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี รองลงมา ร้อยละ 33.97 ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา ร้อยละ 24.81 ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง ร้อยละ 22.06 ระบุว่า รัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา ร้อยละ 21.68 ระบุว่า รัฐบาลต้องเยียวยา ดูแล ประชาชน ภาคธุรกิจ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ร้อยละ 20.99 ระบุว่า รบจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จหรือได้เปรียบกัมพูชา ร้อยละ 11.22 ระบุว่า ป้องกันอย่าให้ประเทศมหาอำนาจเข้าแทรกแซง ร้อยละ 9.92 ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามกัมพูชาผ่านกลไกระหว่างประเทศ และทำอย่างไรก็ได้ แต่ขออย่าให้มีการสู้รบกัน ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 6.41 ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ร้อยละ 2.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 2.21 ระบุว่า แทรกแซงการเมืองภายในประเทศกัมพูชาเพื่อล้มอำนาจ ฮุน เซน และรัฐบาล ฮุน มาเนต ร้อยละ 1.37 ระบุว่า ใช้กลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา และร้อยละ 1.07 ระบุว่า เปิดด่านทั้งหมดเพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับภาพรวมของประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (210 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.05 ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา รองลงมา ร้อยละ 32.86 ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี ร้อยละ 22.38 ระบุว่า รัฐบาลต้องเยียวยา ดูแล ประชาชน ภาคธุรกิจ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ร้อยละ 20.48 ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง ร้อยละ 19.52 ระบุว่า รัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา ร้อยละ 18.10 ระบุว่า รบจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จหรือได้เปรียบกัมพูชา ร้อยละ 10.00 ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ขออย่าให้มีการสู้รบกัน ร้อยละ 7.14 ระบุว่า ป้องกันอย่าให้ประเทศมหาอำนาจเข้าแทรกแซง ร้อยละ 6.67 ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามกัมพูชาผ่านกลไกระหว่างประเทศ ร้อยละ 4.76 ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลาง ในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ร้อยละ 3.81 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 2.86 ระบุว่า แทรกแซงการเมืองภายในประเทศกัมพูชาเพื่อล้มอำนาจ ฮุน เซน และรัฐบาล ฮุน มาเนต ร้อยละ 0.95 ระบุว่า เปิดด่านทั้งหมดเพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนเข้าสู่ภาวะปกติ และร้อยละ 0.48 ระบุว่า ใช้กลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.28 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก โดยตัวอย่าง ร้อยละ 47.94 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.06 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.13 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.34 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 25.80 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 96.64 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.37 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 36.33 สถานภาพโสด ร้อยละ 61.76 สมรส และร้อยละ 1.91 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.23 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 16.64 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 36.10 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.24 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 32.29 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 5.50 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.69 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 15.50 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 24.97 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 10.23 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.35 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.70 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 6.56 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 19.62 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 3.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.96 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 32.06 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 12.90 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.81 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.60 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 0.99 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.15 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.07 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.61 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.79 ไม่ระบุรายได้