Biz news
ช๊อค!606คนสาวรง.เย็บผ้านครปฐมเพิ่งรู้ ทำงานวันสุดท้ายนายจ้างแจ้งปิดโรงงาน

นครปฐม-พิษเศรษฐกิจเริ่ม แสดงผล สาวโรงงาน 600 กว่าชีวิต ไม่รู้ชะตากรรมมาทำงานตามปกติ ช่วงสายผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลประสานงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐม ประกาศการเลิกจ้างสั่งจ่ายเช็คค่าชดเชย จำนวน 95 ล้านบาทเศษ ทำพนักงานหน้าเสียแต่ยอมรับสถานการณ์เนื่องจากทราบข่าวมาบ้าง ขณะฝ่ายนายจ้างได้จัดกระบวนการและชดเชยเต็มจำนวนทันที ทั้งนี้หน่วยงานที่มาร่วมชี้แจงได้ให้ข้อมูลสามารถลงทะเบียนรับค่าชดเชยผู้ว่างาน 60% ของจำนวนเต็มเป็นจำนวน 180 วัน ขณะที่คนงานอีกหลายโรงงานเงี่ยหูฟังข่าวอาจมีการปิดโรงงานกระทบอีกหลายแห่ง
วันที่ 22 ตุลาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วง รถบัสรับส่งพนักงานจำนวนนับ 10 คันได้ขับเคลื่อนตัวออกจากโรงงานเย็บผ้า ของบริษัทพาฝันเท็กซ์ไทล์ ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลสันปทวน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยมีพนักงานจำนวน 606 คน นั่งรถออกจากที่ทำงานด้วยความเงียบสงบ ซึ่งนับเป็นความรู้สึกช็อคและเศร้าใจ หลังจากที่ช่วงเช้าได้เข้ามาทำงานตามปกติโดยมีฝ่ายบุคคลและผู้บริหารของบริษัทได้เรียกประชุมและประกาศเลิกจ้างงานในช่วงสายของวันนี้
โดย ทีมบริหารของโรงงานดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อแสดงความเสียใจและขอบคุณรวมถึงปัญญาถึงสถานการณ์ของการเลิกจ้างพนักงานทั้ง 606 คน ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ประกันสังคมจังหวัดนครปฐม โดย นางสาว สาวสุกิจจา วินิชพันธุ์ ประกันสังคมจังหวัดนครปฐม ได้มอบหมายให้นางสาวแววตา แก้วเจริญ นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ พร้อมหน่วยงานจากกระทรวงแรงงาน ทำความขึ้นชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินการในการรับค่าชดเชย ตามกฏหมาย และเตรียมตัวให้มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานได้ภายใน 30 วัน ซึ่ง ผู้ที่ได้รับการว่าจ้างชดเชยให้ยุติการทำงานในวันนี้สามารถไปขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โดยจะมีการดึงข้อมูลมาที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานทั้งหมดในวันนี้
ซึ่งบรรยากาศในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกจ้างในวันนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์ของผู้ประกอบการมีความติดขัดมาตั้งแต่ยุคการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และ ทรงผลกระทบมาจนถึงปี 2566 ทำให้ประสบภาวะไม่คล่องตัวและลูกค้ามีการสั่งยอดออเดอร์เข้ามาน้อยลงทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้จึงจำเป็นต้องมีการเลิกจ้างงานดังกล่าว ซึ่งพนักงานทั้งหมดที่เข้ามารับฟัง ได้มีการรับฟังการชี้แจงด้วยความสงบและ ลงชื่อเข้ารับเช็คเงินสดเพื่อไปขึ้นเงินและถือเป็นเงินก้อนสุดท้ายจากผู้ประกอบการที่จะได้รับกันในวันนี้
สำหรับการชดเชยได้มีการแบ่งออกเป็นผู้ที่ทำงาน 10 ปีขึ้นไปจะได้รับค่าชดเชยเป็นจำนวน 300 วัน ส่วนผู้ที่ทำงาน 25 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินค่าชดเชยเป็นจำนวน 400 วัน รวมกับค่าตกใจอีกหนึ่งเดือน สามวัน โดยยอดที่ทางผู้ประกอบการได้เขียนเช็คสั่งจ่ายในวันนี้มีมูลค่าถึง 95 ล้านบาทเศษ ซึ่งหลังจากมีการรอคิวเพื่อรับเช็คตอนสุดท้าย ได้มีการพูดคุยสั่งลาระหว่างพนักงานโรงงานซึ่งหลายคนทำงานมาแล้ว 30 ปี บางราย 20 กว่าปี ซึ่งหลายคนถึงกับถอดใจเนื่องจากได้ทราบข่าวมาบ้างแล้วแต่ไม่คิดว่าจะมีการแจ้งงานในช่วงเช้านี้ ก่อนที่จะมีภาพปรากฏว่ารถบัสสวัสดิการที่เคยรับพนักงานมาทั้งหมดจะรับพวกเขากลับไปส่งตามจุดที่รับขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้
นางศรีไพร ลามนอก อายุ 49 ปี บอกว่าตัวเองทำงานที่นี่มาแล้วทำงานมา 28 ปี ซึ่งช่วงเช้าก็รู้สึกตกใจเหมือนกันที่เค้ามีประกาศแจ้งมาโดยผู้บริหารก็แจ้งว่าประสบปัญหาขาดทุน ตอนนี้อยากไปทำงานที่ไหนก็คงไปทำไม่ได้แล้วคงไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ตอนนี้คงจะเลิกทำงานไปเลยแล้วจะกลับไปดูแม่ที่บ้านก่อนเพราะมีภาระอยู่ที่นั่น
นางอัญชลี เรืองอุลัย อายุ 49 ปี พนักงานฝ่ายการผลิต บอกว่าตนเองทำงานที่นี่มาแล้ว 26 ปี ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากทางฝ่ายบุคคลและผู้บริหารว่าต้องเลิกจ้างเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี และได้รับการชดเชยเงินเต็มจำนวน ตนเองรู้สึกเสียใจมากเพราะว่าอายุยังไม่ถึง 50 ปีก็ต้องมาตกงานและก็คงไม่รู้ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนและคงไม่มีใครรักเพราะว่าอายุมากแล้ว ซึ่งตนเองก็ได้รับค่าชดเชย 400 วัน ก็ได้ยอดมาประมาณ 1.8 แสนบาท จากนี้ก็คงต้องทบทวนก่อนว่าจะทำอะไรให้มีรายได้เข้ามาบ้าง ว่าตอนนี้พอใจไหมก็พอใจอยู่ครึ่งนึงแต่อีกใจเราก็อยากจะทำงานต่อไป แต่ก็ก็คงจบลงแล้วช่วงนี้
ผู้สื่อข่าวข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในการบอกเลิกจ้างงานของโรงงานดังกล่าว ได้มีการจัดระบบในการชี้แจงอย่างชัดเจนซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ถึงแม้จะมีความตกใจ เสียใจ แต่หลายหลายคนก็เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากขอทราบกันมาก่อนว่าเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเริ่มไม่ดี และบริษัทเองก็มีการให้ข่าวมาเรื่อยเรื่อยว่าสถานการณ์การจ้างงานอาจจะไม่มั่นคงซึ่งแม้บางคนจะทำใจได้ แต่เมื่อถึงการประกาศเลิกจ้างจริงๆก็ยังรู้สึกใจหายและยังสับสนแม้ว่าจะได้รับเงินก้อนหนึ่งไปตั้งต้นเริ่มกับการทำงาน แต่ก็ยังมีจำนวนมากที่เป็นคนทำงานโรงงานมาตลอดเกือบทั้งชีวิตโดยยังต้องไปเรียนรู้กับการหารายได้ในช่วงบ้านปลายชีวิตต่อไป ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวและมีการพูดถึงในระดับคนงานในโรงงานต่างๆว่าอาจจะมีการปิดตัวของโรงงานและเลิกจ้างกันอีกหลายแห่งทั่วประเทศซึ่งได้มีการติดตามข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองเพื่อมีการเตรียมตัวและรับการกันต่อไปในช่วงนี้