In News

นายกฯส่งสารวันสหประชาชาติปี2568 ย้ำไทยหนุนพหุภาคี-ร่วมรับมือวิกฤตโลก



กรุงเทพฯ-นายกฯ ส่งสารวันสหประชาชาติ ปี 2568 ย้ำไทยหนุนพหุภาคี พร้อมร่วมรับมือวิกฤตโลกเพื่อสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน

วันนี้ (วันที่ 23 ตุลาคม 2568) เนื่องในโอกาสวันสหประชาชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งสารแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 80 ปีของการก่อตั้งสหประชาชาติ โดยชื่นชมบทบาทของสหประชาชาติในการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนาที่ยั่งยืน และสิทธิมนุษยชนตลอด 8 ทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าไทยในฐานะสมาชิก จะมุ่งมั่นในการธำรงไว้ซึ่งระบอบพหุภาคี ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติเป็นหลัก โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้โลกยังเผชิญ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” ทั้งความขัดแย้งในหลายภูมิภาค ความเหลื่อมล้ำ ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และสุขภาพ ตลอดจนความท้าทายใหม่จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ปัญหาเหล่านี้เกินกำลังที่ประเทศใดจะรับมือได้โดยลำพัง จึงต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากประชาคมโลก โดยมีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง

ในด้านสันติภาพและความมั่นคง ไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และการแก้ปัญหาโดยสันติผ่านการเจรจาด้วยสุจริตใจ พร้อมมีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพ โดยได้ส่งกำลังพลทั้งทหารและตำรวจเข้าร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพมากกว่า 20 ภารกิจทั่วโลก รวมถึงส่งเสริมบทบาทเจ้าหน้าที่สตรีควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพทุกท่านที่อุทิศตนเพื่อมนุษยชาติ และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศไทยในเวทีโลก

สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ไทยยินดีที่ที่แนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน พร้อมเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค และเสริมสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมทุกครัวเรือน รวมถึงการศึกษาที่เท่าเทียมเพื่อยกระดับประชาชนทุกกลุ่ม

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพสำนักงานสหประชาชาติในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติกว่า 40 แห่ง ซึ่งไทยพร้อมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีต่อเนื่องให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า สหประชาชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัว เนื่องจากไทยเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ  และร่วมมือกับรัฐสมาชิกอีก 192 รัฐสมาชิกในการขับเคลื่อนวาระสำคัญต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของทั้งประเทศและประชาคมโลก พร้อมสนับสนุนข้อริเริ่มของเลขาธิการสหประชาชาติภายใต้ UN80 Initiative เพื่อปฏิรูปสหประชาชาติให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงไปของโลก พร้อมอวยพรให้วันสหประชาชาติในปีนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของมนุษยชาติ และเพื่อโลกที่สงบสุข และยั่งยืน สำหรับลูกหลานของเราทุกคนสืบไป