In News
'คนละครึ่งพลัส'วันแรกคนแห่ใช้สุดคึกคัก! 'นวดได้-ซื้อตั๋วรถได้'คาดสะพัด8.8หมื่นล.
กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลชวนใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ “โครงการคนละครึ่ง พลัส” ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68 เวลา 06.00 น. - 23.00 น.ขณะที่ ก.คลัง ยังเปิดรับผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการฯ ถึง 19 ธ.ค. นี้ “คนละครึ่งพลัส” ใช้ได้กับร้านนวด–ร้านบริการรายย่อยทั่วประเทศ หนุนเศรษฐกิจฐานรากให้คนตัวเล็กเข้าถึงสิทธิได้จริง ล่าสุด“ตั๊ก อัยรินทร์” ลงพื้นที่สำรวจตลาด “คนละครึ่ง พลัส” อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี วันแรกบรรยากาศคึกคัก คาดตลอดโครงการฯ ทั้งประเทศเงินสะพัดกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท ล่าสุด“พิพัฒน์” เผย คมนาคมเปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” รถ - ราง - เรือ - รถระหว่างจังหวัด ลดภาระค่าเดินทางประชาชน“คนละครึ่ง พลัส” รถ - ราง - เรือ - รถ ลดภาระค่าเดินทางประชาชน

วันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนที่ร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ใช้จ่ายตามวงเงินสิทธิ์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 23.00 น. ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยมีระยะเวลาการใช้วงเงินสิทธิ์จนถึง 31 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิจะต้องใช้สิทธิโครงการฯ โดยซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการฯ ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งหากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ และถูกตัดสิทธิในโครงการฯ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผู้ได้รับสิทธิรวม 20 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้ที่ยื่นภาษี ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 2,400 บาท จำนวน 7.93 ล้านคน และผู้ที่ไม่ยื่นภาษี ได้รับสิทธิ 2,000 บาท จำนวน 12.07 ล้านคน โดยครั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนรวม 20.19 ล้านคน มีผู้ไม่ผ่านคุณสมบัติ 194,210 คน เนื่องจากเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เสียชีวิต รวมถึงเคยทำผิดเงื่อนไขโครงการก่อนหน้า และเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า
ในส่วนร้านค้า เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 620,000 ร้าน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยืนยันว่า จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กรมสรรพากรแต่อย่างใด ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการยังสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2568
ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมองเห็นสัญญาณบวกนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาล เชื่อว่าจะเป็นจังหวะสำคัญที่ภาคค้าปลีกสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า โครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคค้าปลีกได้กว่า 60,000 - 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
“คนละครึ่ง พลัส รัฐช่วยจ่าย 50% ผู้ได้รับสิทธิ์จ่ายเองอีก 50% โดยสิทธิจะถูกสะสม หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน ครั้งนี้นอกจากร้านค้าแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งบก น้ำ ราง เช่น BTS MRT เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน เพิ่มรายได้ให้คนทำงานขนส่งทั่วประเทศ และพร้อมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้” นายสิริพงศ์ กล่าว
“คนละครึ่งพลัส”ใช้ได้กับร้านนวด–ร้านบริการรายย่อยทั่วประเทศ

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ประชาชนสามารถเริ่มใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ขยายขอบเขตการใช้สิทธิให้ครอบคลุมถึง ธุรกิจบริการรายย่อย ที่อยู่ในระบบภาษีของรัฐ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กในชุมชนได้รับประโยชน์จากมาตรการอย่างแท้จริง
โครงการคนละครึ่งพลัสครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะร้านอาหารหรือร้านค้าเท่านั้น แต่ประชาชนสามารถใช้สิทธิร่วมจ่ายได้กับ ร้านนวดแผนไทย ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านซักรีด ร้านล้างรถ ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงร้านบริการในชีวิตประจำวันอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ โดยสามารถชำระเงินผ่านแอป G-Wallet ได้สะดวกและปลอดภัยเช่นเดียวกับร้านค้าทั่วไป
รองโฆษกรัฐบาลระบุว่า มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้ให้ธุรกิจรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจชุมชน การขยายสิทธิให้ร้านบริการเข้าร่วม จะช่วยให้ประชาชนใช้สิทธิได้จริงในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
“ตั๊ก อัยรินทร์”ลงพื้นที่สำรวจตลาด“คนละครึ่ง พลัส”บรรยากาศคึกคัก

วันนี้ 29 ตุลาคม 2568 นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สำรวจความพร้อมของร้านค้าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่ตลาดนานาเจริญ ตลาดเอ.ซี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมมอบป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์โครงการให้แก่ผู้ประกอบการ โดยโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะเร่งด่วน
รองโฆษกฯ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกของการใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” รัฐบาลเชิญชวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ 20 ล้านคน ร่วมใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยรัฐบาลร่วมจ่าย 50% และประชาชนจ่ายเองอีก 50% สามารถใช้สิทธิได้ไม่เกินวันละ 400 บาท (รัฐบาลช่วยจ่ายสูงสุดวันละ 200 บาท) ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568
นางสาวอัยรินทร์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ประกอบการร้านค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และตื่นตัวต่อโครงการนี้เป็นอย่างมาก มีหลายรายเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนได้จริง พร้อมขอให้รัฐบาลพิจารณาขยายโครงการต่อเนื่อง ไปยังเฟส 2 อีกด้วย
รัฐบาลคาดว่า โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้กว่า 88,000 ล้านบาท และส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 – 0.22 ภายในปี 2568 สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในรอบนี้ สามารถรอการเปิดรับสมัครในเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดในเดือนมกราคม 2569 โดยผู้ที่พลาดสิทธิในรอบแรกจะได้รับสิทธิจองลำดับก่อน
“รัฐบาลมุ่งมั่นให้โครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าครองชีพ และสร้างพลังเศรษฐกิจจากประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน”
“พิพัฒน์”เผย “คนละครึ่ง พลัส”ใช้ได้แล้วกับรถ-ราง-เรือ-รถระหว่างจังหวัด

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มกำลังซื้อ ผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าควบคู่กับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะของประเทศ กระทรวงคมนาคมพร้อมทุกระบบในการช่วยแบ่งเบาค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หรือรถโดยสารระหว่างจังหวัด ทุกระบบสามารถใช้สิทธิ์คนละครึ่งได้จริง เพื่อให้ทุกการเดินทางของคนไทย “ประหยัด สะดวก และเท่าเทียม”
กระทรวงคมนาคมเปิดให้ใช้สิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ครอบคลุมทุกโหมดการเดินทางภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงฯ ได้แก่ 1) ระบบรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีม่วง สีชมพู สีเหลือง สีเขียว (รวมส่วนต่อขยาย) สายสีแดง รถไฟฟ้าบีทีเอส และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 2) ระบบขนส่งทางน้ำ เรือด่วนเจ้าพระยา เรือไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร 3) ระบบรถโดยสารประจำทาง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทุกเส้นทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ทุกเส้นทาง และรถโดยสารเอกชนร่วมบริการที่ได้รับการอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบก ส่วนรายชื่อบริษัทรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วม (ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2568) มีดังนี้ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด บริษัท ปิยะรุ่งเรืองทัวร์ จำกัด บริษัท ศรีสุเทพขนส่ง จำกัด บริษัท ระยองทัวร์ จำกัดบริษัท เน็กซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด (Nex Express Co., Ltd.) และบริษัท แสวงบริการ จำกัด ทั้งนี้ ยังมีบริษัทรถโดยสารอื่น ๆ อยู่ระหว่างกระบวนการอนุมัติ ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเร่งประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมทันทีที่พร้อมให้บริการ
ด้าน นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้รับมอบนโยบายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เช่น ขสมก. บขส. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า กรมการขนส่งทางราง และกรมการขนส่งทางบก เร่งบูรณาการระบบการชำระค่าโดยสารผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ให้สมบูรณ์และเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสูงสุด ซึ่งโครงการคนละครึ่ง พลัส คือสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและประชาชน เพื่อให้ทุกการเดินทางมีภาครัฐอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าขึ้นรถ ลงเรือ หรือใช้รถไฟฟ้า ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้เหมือนกันทุกระบบ” ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว
เงื่อนไขการใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับการเดินทางใช้สิทธิ์ได้เฉพาะบัตรโดยสารเที่ยวเดียว (Single Journey Card) ชำระค่าโดยสารผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” โดยสแกน QR ร้านค้าถุงเงิน ใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน และใช้ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น.
หมายเหตุ : ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในการเติมเงินหรือเดินทางแบบเหมาจ่ายได้ในขณะนี้
