In News

'คนละครึ่งพลัส'วันแรกเงินสะพัด2พันล้าน 'ระบบขนส่ง-ร้านอาหาร'แชมป์ยอดใช้จ่าย



กรุงเทพฯ-สุดปัง ยอดใช้จ่ายคนละครึ่งวันแรกสะพัดเกือบ 2 พันล้าน นายกฯ เชิญชวนร้านค้า ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ฯสั่งการ มท. ลงพื้นที่อำนวยความสะดวก ยืนยันตัวตนให้ร้านค้า ผู้ประกอบการ หวังเพิ่มช่องทางให้ ปชช. เลือกใช้จ่ายมากยิ่ง ล่าสุดนายกฯ “อนุทิน” สั่งการ มท. สนับสนุนโครงการคนละครึ่ง พลัส ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มอบหมายจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ร้าน OTOP ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ และรัฐบาลเตือนร้านค้าและผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส ห้ามใช้ผิดวัตถุประสงค์ห้ามซื้อ “สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ห้ามรับหรือเรียกรับในรูปแบบเงินสด

วันนี้ (30 ตุลาคม 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เชิญชวนร้านค้าและผู้ประกอบการบางส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ขออย่ากังวลเรื่องกระบวนการและขั้นตอนการยืนยันตัวตนของร้านค้า สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยทำงานเชิงรุกลงพื้นที่ เร่งสำรวจ พร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน และขั้นตอนของการยืนยันตัวตนให้ร้านค้าและผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิฯ เลือกใช้จ่ายผ่านร้านค้าและผู้ประกอบการมากขึ้น

“ร้านค้าและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กรมสรรพากรแต่อย่างใด ขออย่าได้เป็นกังวลและหลงเชื่อข่าวปลอม ทั้งนี้ ร้านและผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ยังสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2568” นายสิริพงศ์ ย้ำ

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า การใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส (29 ตุลาคม 2568) แบ่งยอดการใช้จ่ายตามประเภทร้านค้า ดังนี้

1.ร้านธงฟ้า จำนวน 709 ล้านบาท  

2.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 697 ล้านบาท 

3.ร้านทั่วไปและอื่น ๆ จำนวน 474 ล้านบาท  

4.ร้านค้าบริการ จำนวน 10 ล้านบาท 5.ร้านโอทอป จำนวน 8 ล้านบาท         

6.กิจการขนส่งมวลชนสาธารณะ จำนวน 3 ล้านบาท รวมการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส จำนวน 1,900 ล้านบาท 

สำหรับยอดการใช้จ่ายฯ สูงสุด 10 อับดับแรกของประเทศ เรียงตามลำดับ ดังนี้ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นครราชสีมา สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี สงขลา นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ และขอนแก่น

นายกฯ สั่งมท.ให้ผู้ว่าฯดึงร้านโอทอปร่วมโครงการฯ 

นายสิริพงศ์ เปิดเผยอีกว่า นายอนุทิน สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนและรายงานผลการดำเนินงานโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้จังหวัดเร่งรัดการดำเนินการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ดังนี้

1. ให้อำเภอ และขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในระดับพื้นที่ตำบล/ชุมชน และเพิ่มจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทั่วถึงและครอบคลุมในทุกกลุ่มร้านค้า

2. ให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมโครงการฯ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน เช่น การจัดตลาดนัดสินค้า OTOP เป็นประจำทุกสัปดาห์ ณ ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอ เป็นต้น

3. ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่าสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มิได้มีการส่งต่อข้อมูลธุรกรรมให้กับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด

4. มอบหมายที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยงานในการรายงานผลการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์รายสัปดาห์ในทุกวันศุกร์ โดยให้รายงานครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จนถึงวันสิ้นสุดโครงการ

“โครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นโครงการที่รัฐบาลภูมิใจทำเพื่อคนไทย ต้องการให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงประโยชน์มากที่สุด ส่วนมาตรการของมหาดไทย รัฐบาลเชื่อว่าหน่วยงานภายใต้กำกับของกระทรวงมหาดไทยมีความพร้อม ให้บริการด้วยความเต็มใจ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นที่” นายสิริพงศ์ กล่าว

รัฐบาลเตือนใช้สิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' ซื้อหวย-เหล้า-ยาสูบไม่ได้

ด้านนางสาวอัยรินทร์  พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ วัตถุประสงค์โครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพ ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ผ่านวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อการศึกษา หรือวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ โครงการฯ ได้กำหนดสินค้าและบริการต้องห้ามไว้อย่างชัดเจน หากร้านค้าหรือผู้ใช้สิทธิฝ่าฝืนอาจถูกระงับสิทธิได้ทันที โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล (Gift Voucher) และบัตรเงินสด รวมถึงการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า นอกจากนี้ ห้ามผู้ประกอบการรับหรือเรียกรับ ทอนเป็นเงินสด หรือประโยชน์ในรูปแบบอื่นใดจากการขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการ Food Delivery ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม และห้ามผู้ร่วมโครงการกระทำการใด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการ หรือก่อให้เกิดอุสรรคต่อการดำเนินโครงการของรัฐ

เตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัสแล้วนำมาขายสิทธิให้ผู้อื่น และร้านค้าหรือกลุ่มร้านค้าร่วมกับมือกับผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส ใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อ-ขายสินค้าจริง เป็นการกระทำที่มีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” (มาตรา 341/342 ประมวลกฎหมายอาญา) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล รวมถึงต้องคืนเงินให้รัฐบาลด้วย