In News

ดัชนีRSIเดือนต.ค.68สะท้อนอีกใน6เดือน 'ภาคตอ.-อีสาน'มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น



กรุงเทพฯ-ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนตุลาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากแนวโน้มความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภาคเศรษฐกิจ

“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนตุลาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากแนวโน้มความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภาคเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง พลัส และโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ทั้งนี้ ควรติดตามประเด็นความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการค้าโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ”

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนตุลาคม 2568 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคพบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนตุลาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากแนวโน้มความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภาคเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง พลัส และโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ทั้งนี้ ควรติดตามประเด็นความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการค้าโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 75.5 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและการลงทุน เนื่องจากคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่มีวันหยุดยาว ประกอบกับภาครัฐและเอกชนมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ทางบกเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่อุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตและการแข่งขันของประเทศ และส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 78.7 ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 73.9 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการและภาคเกษตรเป็นสำคัญ เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว รวมถึงมีการจัดงานมหกรรมส่งเสริมการลงทุน งานแสดงสินค้าท้องถิ่น อีกทั้งมีกิจกรรมและงานประเพณีท้องถิ่นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีไปจนถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา ประกอบกับผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่จะช่วยให้เกิดการใช้จ่ายในแต่ละพื้นที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ เกษตรกรมีการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 73.5 โดยมีปัจจัยบวกจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว และได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจของรัฐบาล ทั้งโครงการคนละครึ่ง พลัสและโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ที่จะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการมีแนวโน้มจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินค้าที่มากขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 72.8 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการและภาคเกษตร เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว และมีอุปสงค์สินค้าเกษตรเพิ่มมากขึ้น ผนวกกับภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนภาคเกษตร ส่งเสริมเศรษฐกิจ และกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 72.7 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความเชื่อมั่นในภาคบริการและการลงทุน เนื่องจากคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นจากการเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงปลายปี และแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดี จากมาตรการเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบางอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการได้ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 68.5 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม จากการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการบริโภค และสนับสนุนด้านพลังงาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการบางส่วนยังรอดูผลของโครงการคนละครึ่ง พลัส และทิศทางมาตรการภาครัฐ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในฤดูกาลถัดไป และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 63.8

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความเชื่อมั่นในภาคบริการละภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะจานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างโครงการคนละครึ่ง พลัส อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม ได้แก่ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการค้าโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ และราคาต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงเป็นสำคัญ