In News

ภาวะเศรษฐกิจการคลังในเดือนก.ย.2568 'ส่งออก-เที่ยวในปท.'หนุน/ลงทุนชะลอตัว



กรุงเทพฯ-สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 15 และการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่งสัญญาณชะลอตัว ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน 2568 ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 และการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่งสัญญาณชะลอตัว ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย” โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน: โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่และปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในเดือนกันยายน 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.4 และ 18.3 ตามลำดับ และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 3.6 และ 10.4 ตามลำดับ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนกันยายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.7 จากระดับ 50.1  ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -16.3

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนกันยายน 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 17.9 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.8 ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ –3.3  แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 3.0 สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ (ตัวเลขเบื้องต้น) ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -4.3 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.9

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 30,970.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ที่ร้อยละ 19.0 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 42 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ร้อยละ 15.7 การส่งออกขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นตามความชัดเจนของมาตรการภาษีนำเข้าต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกฟื้นตัว ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยขยายตัวร้อยละ 64.9 57.9  และ 14.6 ตามลำดับ นอกจากนี้ การส่งออกน้ำตาลทราย และไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 42.8 และ 9.7 ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกข้าว ยางพารา และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย อาเซียน -5 และตะวันออกกลาง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 35.3 27.4 20.4 และ 8.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี อินโดจีน -4 ลดลงร้อยละ -9.6

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนกันยายน 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.24 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -11.3 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.1 ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนกันยายน 2568 จำนวน 21.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 4.1 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -1.8 ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -3.2 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -4.1 ตามการลดลงในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ มันสำปะหลัง และข้าวโพด เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตยางพารา เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนกันยายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 87.8 จากระดับ 86.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน และเอื้อต่อการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย ในเดือนกันยายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.6 จากระดับ 52.7 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ร้อยละ -0.72 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.65 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ร้อยละ 64.6 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 273.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า: สะท้อนจาก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลก (Global Composite PMI) ในเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 52.4 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด อย่างไรก็ดี ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50.0 จุด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังมีทิศทางขยายตัว ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ในเดือนกันยายน 2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.8 จุด จากระดับ 50.9 จุด ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน แต่การจ้างงานยังทรงตัว ขณะที่คำสั่งซื้อส่งออกใหม่ (New Export Orders) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แสดงถึงแรงกดดันจากการค้าโลกและภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคบริการ (Global Service PMI) ในเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 52.8 จุด ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 53.4 จุด แต่ยังอยู่สูงกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ทิศทางการขยายตัวต่อเนื่องของภาคบริการเป็นเดือนที่ 33 ติดต่อกัน ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงขยายตัวดีในหลายประเทศ สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่าง ๆ มีทิศทางปรับลดลงตามอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ  สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ความตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มมีทิศทางที่ผ่อนคลายลง ในส่วนของสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่ต่าง ๆ ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง