In News

นายกฯบุกปปง.ชงปราบสแกมเมอร์เป็น วาระแห่งชาติผนึก4หน่วยงานล้างฟอกเงิน



กรุงเทพฯ-นายกฯ ตรวจเยี่ยม ปปง. ปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมบูรณาการ 4 หน่วยงานติดตามการฟอกเงิน

เมื่อ3 พฤศจิกายน 2568เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1201 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้มาพบกับเจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของภารกิจของ ปปง. ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทราบว่า ปปง. เป็นส่วนราชการที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีโดยตรง ได้เข้ามาติดตามภารกิจของ ปปง. อย่างใกล้ชิด รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปปง. มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามการฟอกเงิน และติดตามเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และพร้อมสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มสแกมเมอร์ได้สร้างความเสียหายไปทั่วโลก ทั้งในมิติของเหยื่อ ที่สูญเสียทรัพย์สิน และการก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาเพื่อฟอกเงินจำนวนมาก 

โดยในเวทีการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ อาชญากรรมข้ามชาติและสแกมเมอร์ก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ประชาคมโลกให้ความสนใจ ประเทศไทยจึงได้พยายามผลักดันให้เกิดการประชุมนานาชาติเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยไทยมีความพร้อมที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว เนื่องจากศูนย์กลางของอาชญากรรมเหล่านี้อยู่ติดกับประเทศไทย ไทยต้องมีบทบาทนำในการดำเนินการปราบปรามและแก้ปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวกับอาชญากรรมเหล่านี้ด้วย รวมถึงให้ ปปง. มีบทบาททำหน้าที่ปราบปรามสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาคมโลก

นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ปปง. เป็นองค์กรหลักที่มีบทบาทในการจัดทำยุทธศาสตร์ ที่ไม่ใช่เพียงการทำงานในภาวะปกติ แต่ต้องเท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมได้สั่งการให้ ปปง. กำกับการบังคับใช้กฎหมาย และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงให้ ปปง. ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การตรวจสอบ ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ และคืนเงินแก่ผู้เสียหายเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเวลา 4 เดือนของการทำงาน จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การลงทุนพัฒนาระบบ พัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัยในการรับมือและปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และขบวนการฟอกเงินสีเทา โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงาน ทั้งในด้านเครื่องมือ เทคโนโลยี และกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติ รวมถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

“ผมขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง เป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นใครที่กระทำความผิด อยู่ในแวดวงใด หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ยิ่งต้องได้รับโทษหนัก โดยไม่มีข้อยกเว้น”     

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย จะได้เตรียมจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MoU) ร่วมกับหน่วยงานสำคัญ ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปปง. ตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทางการเงิน มุ่งเน้นการตรวจสอบ กำกับดูแล และแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับการกระทำผิดทางการเงิน รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การป้องกันตนเองจากกลโกงทางออนไลน์และการลงทุนที่ผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความตระหนักและลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงทางการเงิน