In News

นายกฯถกนโยบายเศรษฐกิจ'คิก-บิ๊ก-วิน' เร่งแก้ปัญหาหนี้และเอาจริงบริษัทนอมินี



กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานประชุมนโยบายเศรษฐกิจ Quick Big Winกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ และขับเคลื่อนนโยบายเพื่อรับมือกับมาตรการภาษี และรักษาตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ

วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2568) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมีคณะรัฐมนตรี อาทิ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งในการประชุมแต่ละครั้ง รัฐบาลได้ออกมาตรการและมติที่สำคัญ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมการประชุม ASEAN และ APEC ซึ่งรัฐบาลได้ใช้โอกาสดังกล่าวในการนำเสนอและขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทยต่อประเทศต่างๆ ทั้งในเวทีระดับผู้นำประเทศและผู้นำภาคเอกชน เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ เปิดตลาดใหม่ แนะนำประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และสร้างโอกาสการลงทุน รวมถึงลดอุปสรรคการกีดกันทางการค้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีเรื่องสำคัญที่ต้องสานต่อจำนวนมาก และได้ย้ำให้ประเทศต่างๆ ทราบว่า รัฐบาลชุดนี้ดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจแบบ “Quick Big Win” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศต่าง ๆ ที่ได้พบ ถือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือ และมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสและศักยภาพสูง เราได้มีบทบาทของเราบนเวทีระหว่างประเทศและได้นำสิ่งที่หารือมา ปฏิบัติแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะทำให้เกิดความสะดวกความมั่นใจในการมาลงทุน หรือมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับผู้นำหลายประเทศในเรื่องการขยายตลาด การส่งออกพืชผลทางการเกษตร และการผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ให้สำเร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด พร้อมขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีเอกนิติ ที่ได้ดำเนินนโยบาย “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งสร้างกำลังใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อลงพื้นที่ไปที่ไหน ก็ได้รับเสียงสะท้อนว่าประชาชนมีความสุขและดีใจที่ได้ใช้สิทธิคนละครึ่ง เป็นการสร้างความคึกคักเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ทำให้เม็ดเงินกระจายไปในทั่วประเทศ 

“ขอฝากคณะทำงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมและทั่วถึง เนื่องจากระบบที่เป็นลักษณะ “first come, first serve” ทำให้ยังมีกลุ่มเปราะบางจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงสิทธิได้ ต้องรวบรวมกลุ่มประชาชนที่ตกหล่นจากครั้งแรกกลับมาในเฟสสอง ให้ได้รับการดูแลจากรัฐบาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอฝากกระทรวงมหาดไทย ประสานความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปถึงในระดับนายอำเภอ เพื่อช่วยเหลือ แนะนำและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบและใช้สิทธิได้อย่างทั่วถึง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัด “หน่วยเคลื่อนที่ครบวงจร” เพื่อขยายฐานร้านค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และขอให้กระทรวงพาณิชย์ติดตาม กำกับ และดำเนินคดี อย่างเด็ดขาดกับร้านค้าที่ทุจริต รับแลกเงิน หรือขึ้นราคาสินค้า ซึ่งรวมถึงชุดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ขอให้ช่วยในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์โครงการให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น และขอให้ดูแลหน่วยงานในกำกับให้ดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย (Front Load) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่เศรษฐกิจ และนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง ขอบคุณทางกระทรวงพลังงานที่เร่งพิจารณาแผนงานเหล่านี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขอให้เร่งดำเนินการต่อไป และขอให้ทุกกระทรวงบูรณาการร่วมมือกัน

โอกาสนี้ ที่ประชุมได้รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจครั้งที่ 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณา ดังต่อไปนี้

1. โครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company – AMC) โดยมีเป้าหมายหลักในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) เพื่อผ่อนภาระให้กับลูกหนี้ ช่วยให้ลูกหนี้สามารถปิดจบหนี้ หลุดพ้นจากสถานะการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้โดยเร็ว และมีประวัติการชำระหนี้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคต ซึ่งจะเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตได้ในระยะยาวต่อไป โดยครั้งนี้ มุ่งแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่มีภาระหนี้ NPLs ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 กับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย โดยมีจำนวนประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี เป็นภาระหนี้จำนวนประมาณ 122,000 ล้านบาท

โดยคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ เห็นชอบหลักการและแนวทางการดำเนินโครงการฯ และนำเสนอโครงการฯ เพื่อคณะรัฐมนตรีรับทราบหลักการและแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันแนวทางการดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของ AMC ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

2. แนวทาง มาตรการ และโครงการของกระทรวงพาณิชย์ภายใต้นโยบาย Quick Big Win เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ ในการรับมือกับมาตรการภาษี Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ โดยสามารถรักษาตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ สกัดปัญหาการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้า เพิ่มการใช้ Local content ตลอดจนป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์จึงได้จัดทำแนวทางและมาตรการ ได้แก่

- โครงการเพิ่ม LOCAL CONTENT ไทย เพื่อรองรับการปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ของสหรัฐฯ และรักษาความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ

- มาตรการตรวจสอบนิติบุคคล (นอมินี) ทั้งนี้ ปัญหานอมินีส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ แต่การตรวจสอบมีข้อจำกัดต้องการการบูรณาการ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถที่หน่วยงานต้นทางในการตรวจสอบ

โดยคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ เห็นชอบในหลักการแนวทางการดำเนินการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและการป้องกันการสวมสิทธิ และเห็นชอบในหลักการมาตรการตรวจสอบนิติบุคคล และมอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้ประสานการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องตาม “นโยบาย Quick Big Win” ไปแล้วหลายเรื่อง เช่น คนละครึ่ง พลัส และของกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ ที่เป็นการดำเนินการในเสาที่ 1 คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่อง มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ซึ่งอยู่ในเสาที่ 2 คือ การลดภาระประชาชน และมาตรการส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งอยู่ในเสาที่ 5 คือ การลงทุนเพื่ออนาคต โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้รองนายกฯ เอกนิติแถลงข่าวความคืบหน้าในการดำเนินการ “นโยบาย Quick Big Win” ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำต่อไปให้ประชาชนทราบด้วย