In News

'พิพัฒน์'กำชับกรมเจ้าท่าเข้ม'ลอยกระทง' 'กริชเพชร'รับลูกสั่ง50ศูนย์เน้นปลอดภัย



กรุงเทพฯ-ก่อนถึงวันลอยกระทง 5 พฤศจิกายนนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ กรมเจ้าท่า และหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศตรวจสอบความพร้อมของ ท่าเรือ จุดลอยกระทง และเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสืบสานประเพณีได้อย่าง มั่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบาย และ เจ้าท่า” จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ความปลอดภัยทางน้ำ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ตั้ง “ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางน้ำช่วงเทศกาลลอยกระทง 2568” รวม 50 ศูนย์ทั่วประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานส่วนกลางกว่า 809 คน เรือรักษาการณ์ 70 ลำ และรถยนต์เจ้าท่า 108 คัน เข้มรักษาความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมตรวจแอลกอฮอล์นายท้ายเรือ ผู้ควบคุม และคนประจำเรือ เพื่อร่วมเทศการปลอดภัยและอบอุ่นใจ ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทงปลอดภัย ร่วมใจรักษาชีวิตทางน้ำ”

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้กำชับกรมเจ้าท่า บูรณาการภาครัฐและเอกชน อำนวยความสะดวกและปลอดภัยทางน้ำ ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2568 ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 คาดว่าจะมีประชาชน และนักท่องเที่ยวออกมาลอยกระทง และท่องเที่ยวตามท่าเรือหลักๆ   ที่มีการจัดกิจกรรมวันลอยกระทงเป็นจำนวนมาก อาทิ ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือสะพานพระราม 8  ท่าเรือเอเชียทีค และท่าเรือไอคอนสยาม ซึ่งกรมเจ้าท่า ได้จัดทำแผนปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย พร้อมออกประกาศควบคุมการเดินเรือและเตือนให้เรือทุกชนิดใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในคืนเทศกาลลอยกระทง จำนวน 3 ประกาศ ได้แก่ ประกาศที่ 1046/2568 เรื่อง กําหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือในประเพณีลอยกระทง ประกาศ ที่ 1047/2568 เรื่อง มาตรการเพื่อความปลอดภัยในประเพณีลอยกระทง และประกาศ ที่ 1048/2568 เรื่อง เตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในประเพณีลอยกระทง และออกคำสั่ง ที่ 1049/2568 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสภาพความปลอดภัย ของเรือโดยสารทุกชนิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคำสั่งที่ 1050/2568 เรื่อง ให้เข้มงวด กวดขันในการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติมาตรการเพื่อความปลอดภัย

พร้อมกันนี้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้ลงพื้นที่ตรวจท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อตรวจความพร้อมของท่าเรือโดยสารและการจราจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยกรมเจ้าท่า ได้มีประกาศงดใช้โป๊ะเทียบเรือ จำนวน 7 โป๊ะ ได้แก่ ท่าเรือสไปซี่, ท่าเรือวัดอาวุธ, ท่าเรือวิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์, ท่าเรือวัดคฤหบดี, ท่าเรือสาทร, โป๊ะเทียบเรือด่วนด้านเหนือ ท่าเรือวัดแจงร้อน โป๊ะด้านใต้ และท่าเรือกรมศุลกากร โป๊ะด้านเหนือ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่าในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.00น. กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ได้จัดพิธีปล่อยแถวเพื่อความปลอดภัยวันลอยกระทง โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมพิธี ฯ อาทิ กองทัพเรือ กองเรือลำน้ำ กองบังคับการ 1 ตำรวจน้ำ มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ฯลฯ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในการดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ บริเวณท่าเรือต่าง ๆ ให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมย้ำ !! ให้เจ้าท่าส่วนกลางและส่วนภูมิภาคต่าง ๆ บูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการเดินเรือ ผู้ประกอบการโรงแรม มูลนิธิจิตอาสา อาสาวารี และเครือข่ายภาคประชาชน ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลัง และขอความร่วมมือให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สวมใส่เสื้อชูชีพเมื่อเดินทางทางน้ำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากท่านใดพบเห็นเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางน้ำ สามารถโทรแจ้งสายด่วน กรมเจ้าท่า 1199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เจ้าท่า ยกระดับความปลอดภัยทางน้ำรับเทศกาลลอยกระทง 2568

ด้านนายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่าเปิดเผยว่า กรมเจ้าท่าได้เตรียมความพร้อม วางมาตรการความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ซึ่งปีนี้ตรงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากออกมาร่วมกิจกรรมตามแหล่งน้ำสำคัญทั่วประเทศ ทั้งแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน และชายทะเล

ซึ่งกรมเจ้าท่าได้จัดตั้ง“ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางน้ำช่วงเทศกาลลอยกระทง 2568” ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาครวม 50 ศูนย์ทั่วประเทศ และเตรียม“แผนปฏิบัติและมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางน้ำในประเพณีลอยกระทง พ.ศ. 2568”

เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการเดินทางมาร่วมกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย

“กรมเจ้าท่า เราสร้างความมั่นใจให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมลอยกระทงในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ปีนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ เรือและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำทุกรูปแบบ โดยเน้นการปฏิบัติแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน

ทุกภาคส่วน ซึ่งได้จัดตั้ง “จุดอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยทางน้ำ” รวม 127 จุดทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางมี 6 จุดหลักบริเวณท่าเรือที่มีประชาชนหนาแน่น และส่วนภูมิภาคอีก 121 จุด เพื่อให้บริการประชาชนตลอดคืน พร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกว่า 809 คน เรือรักษาการณ์ 70 ลำ และรถยนต์เจ้าท่า 108 คันในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อให้ประชาชน ‘ลอยกระทงอย่างอุ่นใจ ปลอดภัยทุกเส้นทางน้ำ” นายกริชเพชร กล่าว

กรมเจ้าท่าจะดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของเรือภัตตาคาร เรือโดยสาร และท่าเทียบเรือทั่วประเทศ อย่างเข้มงวด ทั้งด้านความมั่นคงของตัวเรือ ระบบเครื่องยนต์ อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เสื้อชูชีพ พวงชูชีพ และอุปกรณ์ดับเพลิง รวมถึงไฟส่องสว่างบริเวณ

ท่าเทียบเรือและทางขึ้น-ลงให้เพียงพอ พร้อมติดป้ายระบุจำนวนคนที่โป๊ะเทียบเรือสามารถรองรับได้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการแออัดและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหน่วยงานภายใต้กรมเจ้าท่าทั้งส่วนกลางและภูมิภาค จะบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและจิตอาสาในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยทางน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เช่น เชียงใหม่ นครพนม สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี และอยุธยา ซึ่งมีทั้งกิจกรรมลอยกระทงริมแม่น้ำ และพื้นที่จัดงานที่อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือด้วย

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่ายังเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของนายท้ายเรือ ผู้ควบคุมเรือ และคนประจำเรือ โดยใช้วิธีสังเกตทางกายภาพ เช่น กลิ่นแอลกอฮอล์ ดวงตาแดง หรือท่าทางมึนเมา หากพบความผิดปกติ หรือมีข้อสงสัยจะประสานตรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำที่อาจจะเกิดจากความประมาท

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ต้องขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลความปลอดภัยทางน้ำในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งขอให้ทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามกฎระเบียบ สวมเสื้อชูชีพทุกครั้ง  เมื่อโดยสารเรือ ไม่ปีน นั่ง หรือยืนในจุดอันตรายบนเรือ ท้ายเรือ หรือหลังคาเรือ หลีกเลี่ยงการดื่มสุราก่อนหรือระหว่างการเดินทางทางน้ำ เพื่อป้องกันการพลัดตกน้ำ รวมถึงควรแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย

สำหรับในช่วงเทศกาลลอยกระทง หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวประสบเหตุ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที สามารถโทรแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 หรือ โทร. 065-824-7385